หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ผู้ผลิตสินค้าหลากชนิดหันมาใช้หีบห่อสีดำ ดึงดูดใจลูกค้า เสริมภาพลักษณ์สินค้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ 02 มี.ค. 2013 10:59 am
โดย Yamachita
[center]รูปภาพ[/center]

ผู้ผลิตไอศกรีม เบียร์ ซุป แชมพู น้ำหอมปรับอากาศ ต่างหันมาออกสินค้าใหม่ภายใต้หีบห่อสีดำ เช่น อันฮอยเซอร์บุชเพิ่งเปิดตัวเบียร์เบคส์ แซฟไฟร์ (Beck's Sapphire) บรรจุในขวดสีดำพร้อมปิดฉลากดำเป็นครั้งแรกเมื่อไม่นานมานี้ ทางด้านไอศกรีมฮาเก้น ดาซ ของเนสท์เล่ก็เพิ่งผลิตไอศกรีมที่มีส่วนผสมสีดำ แม้แต่ชั้นวางผงซักฟอกที่มักละลานตาไปด้วยสีฟ้า เขียว และส้มก็เริ่มมีผงซักฟอกในหีบห่อสีดำมากขึ้น

ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ลงทุนทั้งเงินและเวลาศึกษาว่า สีและภาพแบบใดที่จะดึงดูดใจลูกค้าได้เร็วที่สุดท่ามกลางการจัดวางสินค้าจำนวนมาก และการที่บริษัทผู้ผลิตสินค้าทั้งหลายต่างหันมาออกสินค้าตัวใหม่ภายใต้แพคเก็จสีดำพร้อม ๆ กันช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่เข้าท่านัก นักการตลาดบางคนกล่าวว่า ความนิยมในสีดำเป็นปฏิกิริยาต่อเศรษฐกิจที่น่าเบื่อมายาวนาน ลูกค้าจึงพยายามมองหาสินค้าราคาถูก ซึ่งหีบห่อสีดำทำให้ดูเหมือนเป็นสินค้าคุณภาพเยี่ยม

แพ็ต แม็กเกอเลย์ รองประธานฝ่ายนวัตกรรมบริษัทอันฮอยเซอร์บุช กล่าวว่า ผู้บริโภคต้องการสินค้าคุณภาพเยี่ยมโดยไม่ต้องจ่ายแพงนัก อย่างเบียร์เบคส์ แซฟไฟร์ เป็นเบียร์ที่ผลิตจากฮอปส์เยอรมันที่มีกลิ่นหอม ราคาสูงกว่าเบียร์ปกติ 20-25%

แชมพูเป็นผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งชนิดที่ให้ความสำคัญกับหีบห่อ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาทั้งลอรีอัลและพีแอนด์จีผู้ผลิตแชมพูแพนทีนปล่อยแชมพูสูตรใหม่ออกสู่ตลาดภายใต้หีบห่อสีดำ การใช้ขวดสีดำถือเป็นเรื่องพิเศษสำหรับแพนทีน หลังจากใช้ขวดสีขาวมาอย่างยาวนาน จนคนในบริษัทพีแอนด์จีเรียกตัวเองว่า “กำแพงสีขาว” หมายถึงอาณาเขตของแพนทีนในตลาดแชมพู

นอกจากนี้ในฤดูร้อน 2554 พีแอนด์จีได้ออกน้ำยาปรับผ้านุ่มดาวน์นี่รุ่น “หอมไม่มีที่สิ้นสุด” ในขวดสีดำด้วยคำโฆษณาที่ว่า “ให้ความหอมยาวนานถึง 12 สัปดาห์” ดาวน์นี่ใหม่ทำได้ดีเกินคาด เพียงปีแรกทำยอดขายได้ถึง 50 ล้านดอลลาร์ และอยู่ระหว่างการทำยอดขายเป็นสองเท่าในปีนี้ ราคาอยู่ที่ประมาณ 32 เซนต์ต่อออนซ์ เปรียบเทียบกับดาวน์นี่รุ่นปกติที่ราคาเพียง 9 เซนต์ต่อออนซ์

เดวิด เทอร์เนอร์ ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทออกแบบผลิตภัณฑ์เทอร์เนอร์ ดั๊กเวิร์ธ เปิดเผยว่า สีดำเป็นสีมาตรฐานสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มานาน แต่เป็นสีต้องห้ามสำหรับสินค้าชนิดอื่นรวมทั้งอาหาร ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลังเศรษฐกิจรุ่งเรืองในทศวรรษ 1980 หลาย ๆ บริษัทหันมาใช้หีบห่อสีดำเป็นสัญลักษณ์แทนความหรูหรา แม้แต่เบรเยอร์ส ไอศกรีมจากยูนิลีเวอร์สก็เป็นหนึ่งในกระแสนี้ แต่ความนิยมค่อย ๆ จางหายไป สัญญาณการกลับมาใหม่ของสีดำเริ่มต้นอีกครั้งใน พ.ศ.2553 เมื่อบริษัทคิมเบอร์รี่ คลาร์กร่วมกับซีบีเอ็กซ์ ใช้หีบห่อดำสำหรับผ้าอนามัย ตรงข้ามกับผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่นๆ ที่ใช้สีพาสเทลตามปกติ หีบห่อสีดำช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดอีก 7% คิดเป็นมูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์

จำนวนสินค้าใหม่ที่ออกสู่ตลาดเพิ่มจำนวนขึ้นมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จาก 26,412 ผลิตภัณฑ์ใน พ.ศ.2545 เพิ่มขึ้นถึง 52% เป็น 40,194 ผลิตภัณฑ์ใน พ.ศ.2555 ผู้ผลิตสินค้าต้องพบกับแรงกดดันในการสร้างความแตกต่างท่ามกลางกองกระดาษแข็งและพลาสติกในซูเปอร์มาร์เก็ต มีผลการศึกษาชี้ชัดว่า สินค้าในหีบห่อสีดำดึงดูดสายตาและความสนใจของผู้บริโภคได้มากกว่า อย่างไรก็ตามเมื่อผู้ผลิตหลายบริษัทต่างหันมาผลิตสินค้าบรรจุหีบห่อสีดำเหมือน ๆ กันย่อมเป็นความเสี่ยงของผู้บริโภคที่จะหยิบสินค้าผิดยี่ห้อ

ที่มา : bangkokbiznews.com