ภูมิปัญญาชาวบ้านในทางการแพทย์ ก่อเกิดเป็นสปาล้านนา รวมหมอพื้นบ้าน
โพสต์แล้ว: พุธ 16 ม.ค. 2013 10:11 am
[center]
[/center]
ภูมิปัญญาชาวบ้านในทางการแพทย์ แม้จะเป็นองค์ความรู้ที่ถ่ายทอดรุ่นต่อรุ่นมาช้านาน แต่ยังคงมนต์ขลังในแง่ประสิทธิภาพที่หลายคนยอมรับ ซึ่งล้วนมาจากสมุนไพรธรรมชาติ ก่อเกิดเป็น “สปาล้านนา” แหล่งรวมพ่อหมอพื้นบ้านและความศรัทธาในภูมิปัญญาท้องถิ่น
พชรพัชร์ ภัทรสุรดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท จันทร์รติ สมุนไพรไทย จำกัด ย้อนที่มาธุรกิจนี้ว่า เกิดจากการเห็นคุณค่าของสมุนไพรไทย และองค์ความรู้ด้านแพทย์พื้นบ้านที่ถ่ายทอดกันมายาวนานที่สามารถรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือช่วยป้องกันก่อนการเกิดโรคร้ายแรง ที่ตนเองเห็นการรักษาในลักษณะมาตั้งแต่เกิด เนื่องจากบิดาเป็นหมอพื้นบ้าน (หมอเมือง) เมื่อมีคนเจ็บป่วยในหมู่บ้านบิดาจะเป็นผู้รักษาไม่เคยส่งโรงพยาบาลเพราะสมัยนั้นยังไม่มี
แต่เมื่อพชรพัชร์ เติบโตกลับเลือกเรียนและทำงานเกี่ยวกับแพทย์แผนปัจจุบัน ยึดอาชีพนางพยาบาลมานานถึง 15 ปี เห็นผู้คนมากมายที่ต้องจากไปอย่างโดดเดี่ยว หรือก่อนตายก็ต้องทรมานจากสายที่ระโยงระยางไปทั่วร่าง ซึ่งผิดแผกไปจากวิถีชีวิตที่เติบโตมา เพราะถึงแม้จะตายจากกันไปแต่ก็ไปอย่างอบอุ่นอยู่ที่บ้านของตัวเอง มีญาติพี่น้องห้อมล้อม เพราะเขาเชื่อว่าถ้าจิตอยู่ได้อย่างมีความสุขร่างกายก็จะอยู่ได้
[center]
[/center]
จากภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่ของผู้คนที่จากไปกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ พชรพัชร์ ตัดสินใจแน่วแน่ลาออกจากอาชีพพยาบาล เดินทางกลับบ้านเกิด อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ตระเวนรวบรวมหมอพื้นบ้าน เปิด “คลินิกหมอเมือง” ภายใต้ชื่อ เบญจคุณ วางตำแหน่งเป็นหมอทางเลือก ให้บริการ 3 ทางเลือก ได้แก่ 1.กายบำบัด (คอร์สธรรมชาติบำบัด) ดูแลเรื่องอาหาร อากาศ การออกกำลัง ที่ผู้สนใจจะต้องมาเข้าคอร์สประมาณ 4 วัน 5 คืน รักษาโรคปวดหลัง อัมพฤกษ์ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 2.พิธีกรรม เช่น การเรียกขวัญ สืบชะตา ที่เป็นความเชื่อมายาวนานของชาวล้านนา และ 3.สปาบำบัด ช่วยปรับสมดุลร่างกาย อารมณ์ แบบฉบับล้านนา ได้แก่ การนวดตอกเส้น เป็นการรักษาอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับเส้นและโรคต่างๆ ในร่างกายโดยใช้ไม้เนื้อแข็งที่ถูกฟ้าผ่า ที่เชื่อกันว่าเป็นไม้ที่มีพลังสูงเพราะมาจากฟ้า ทำเป็นลิ่มตอกตามเส้นต่างๆ ที่ต้องอาศัยพ่อหมอที่มีความรู้ความชำนาญเป็นพิเศษจากนั้นใช้ลูกประคบเพื่อให้ยาซึมเข้าไป
รวมถึงศาสตร์ 'การย่ำข่าง' เป็นการนวดรักษาอาการปวดตามร่างกายโดยใช้เท้า ความร้อนและสมุนไพร ซึ่ง ข่าง ในภาษาล้านนา คือ ใบไถ ใช้สำหรับไถนา ขนาดประมาณ 8 x 6 นิ้ว ที่เชื่อกันว่า ข่าง มีความศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไถนาปลูกข้าวเลี้ยงคนไทยทั่วทุกภาค ทั้งมีคุณสมบัติไม่เป็นสนิมง่ายและในตัวข่างมีแร่ธาตุบางชนิดที่เชื่อว่าเป็นตัวยาสามารถใช้รักษาโรคได้ โดยจะใช้เท้าชุบน้ำสมุนไพร ประกอบไปด้วยไพลนำมาบดแล้วผสมกับน้ำในสัดส่วนที่เหมาะสม แล้วย่ำบนข่างที่เผาไฟร้อนจนเป็นสีแดง จากนั้นจึงย่ำบนร่างกายของผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวด กดด้วยความร้อนใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือแล้วแต่อาการของโรค ซึ่งผู้ย่ำข่าง ของสปาเบญจคุณเป็นถึงลูกศิษย์ของครูบาศรีวิชัย
[center]
[/center]
“เบญจคุณ เป็นสปาที่ไม่เน้นแสวงหาผลกำไรมากนัก เพียงต้องการช่วยเหลือคนเป็นเสมือนแพทย์ทางเลือกให้ผู้ป่วยทดลองรักษาก่อนเข้าสู่แพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังสะสมมานาน แพทย์ให้ผ่าตัด แต่เมื่อมาลองรักษากับเรา มานวดตอกเส้น อาการก็เริ่มดีขึ้นไม่ต้องผ่าตัด เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามการรักษาก็มีข้อขำกัดสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุน หรือโรคประจำตัว ที่ต้องหมอเมืองวินิจฉัยก่อน”
นอกจากนี้ยังมีการทำผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงผิวพรรณ ผิวหน้า เส้นผม และผลิตภัณฑ์สปา กว่า 30 รายการ ในราคาเริ่มต้นที่ 75-950 บาทเท่านั้น และได้รับการการันตีคุณด้วยรางวัลโอทอประดับ 5 ดาว โดยอนาคตพชรพัชร์ ฝันไกลไปถึงการเปิดโรงพยาบาลหมอเมือง หวังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยด้วยสมุนไพรไทยและวิถีภูมิปัญญาชาวบ้าน รวมถึงปลูกจิตสำนักให้ชาวบ้านหันมาปลูกผักพื้นบ้านปลอดสารพิษ เพราะเชื่อมั่นว่าผักเหล่านี้เป็นยารักษาโรคได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย
ที่มา : manager.co.th
ภูมิปัญญาชาวบ้านในทางการแพทย์ แม้จะเป็นองค์ความรู้ที่ถ่ายทอดรุ่นต่อรุ่นมาช้านาน แต่ยังคงมนต์ขลังในแง่ประสิทธิภาพที่หลายคนยอมรับ ซึ่งล้วนมาจากสมุนไพรธรรมชาติ ก่อเกิดเป็น “สปาล้านนา” แหล่งรวมพ่อหมอพื้นบ้านและความศรัทธาในภูมิปัญญาท้องถิ่น
พชรพัชร์ ภัทรสุรดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท จันทร์รติ สมุนไพรไทย จำกัด ย้อนที่มาธุรกิจนี้ว่า เกิดจากการเห็นคุณค่าของสมุนไพรไทย และองค์ความรู้ด้านแพทย์พื้นบ้านที่ถ่ายทอดกันมายาวนานที่สามารถรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือช่วยป้องกันก่อนการเกิดโรคร้ายแรง ที่ตนเองเห็นการรักษาในลักษณะมาตั้งแต่เกิด เนื่องจากบิดาเป็นหมอพื้นบ้าน (หมอเมือง) เมื่อมีคนเจ็บป่วยในหมู่บ้านบิดาจะเป็นผู้รักษาไม่เคยส่งโรงพยาบาลเพราะสมัยนั้นยังไม่มี
แต่เมื่อพชรพัชร์ เติบโตกลับเลือกเรียนและทำงานเกี่ยวกับแพทย์แผนปัจจุบัน ยึดอาชีพนางพยาบาลมานานถึง 15 ปี เห็นผู้คนมากมายที่ต้องจากไปอย่างโดดเดี่ยว หรือก่อนตายก็ต้องทรมานจากสายที่ระโยงระยางไปทั่วร่าง ซึ่งผิดแผกไปจากวิถีชีวิตที่เติบโตมา เพราะถึงแม้จะตายจากกันไปแต่ก็ไปอย่างอบอุ่นอยู่ที่บ้านของตัวเอง มีญาติพี่น้องห้อมล้อม เพราะเขาเชื่อว่าถ้าจิตอยู่ได้อย่างมีความสุขร่างกายก็จะอยู่ได้
[center]
จากภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่ของผู้คนที่จากไปกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ พชรพัชร์ ตัดสินใจแน่วแน่ลาออกจากอาชีพพยาบาล เดินทางกลับบ้านเกิด อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ตระเวนรวบรวมหมอพื้นบ้าน เปิด “คลินิกหมอเมือง” ภายใต้ชื่อ เบญจคุณ วางตำแหน่งเป็นหมอทางเลือก ให้บริการ 3 ทางเลือก ได้แก่ 1.กายบำบัด (คอร์สธรรมชาติบำบัด) ดูแลเรื่องอาหาร อากาศ การออกกำลัง ที่ผู้สนใจจะต้องมาเข้าคอร์สประมาณ 4 วัน 5 คืน รักษาโรคปวดหลัง อัมพฤกษ์ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 2.พิธีกรรม เช่น การเรียกขวัญ สืบชะตา ที่เป็นความเชื่อมายาวนานของชาวล้านนา และ 3.สปาบำบัด ช่วยปรับสมดุลร่างกาย อารมณ์ แบบฉบับล้านนา ได้แก่ การนวดตอกเส้น เป็นการรักษาอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับเส้นและโรคต่างๆ ในร่างกายโดยใช้ไม้เนื้อแข็งที่ถูกฟ้าผ่า ที่เชื่อกันว่าเป็นไม้ที่มีพลังสูงเพราะมาจากฟ้า ทำเป็นลิ่มตอกตามเส้นต่างๆ ที่ต้องอาศัยพ่อหมอที่มีความรู้ความชำนาญเป็นพิเศษจากนั้นใช้ลูกประคบเพื่อให้ยาซึมเข้าไป
รวมถึงศาสตร์ 'การย่ำข่าง' เป็นการนวดรักษาอาการปวดตามร่างกายโดยใช้เท้า ความร้อนและสมุนไพร ซึ่ง ข่าง ในภาษาล้านนา คือ ใบไถ ใช้สำหรับไถนา ขนาดประมาณ 8 x 6 นิ้ว ที่เชื่อกันว่า ข่าง มีความศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไถนาปลูกข้าวเลี้ยงคนไทยทั่วทุกภาค ทั้งมีคุณสมบัติไม่เป็นสนิมง่ายและในตัวข่างมีแร่ธาตุบางชนิดที่เชื่อว่าเป็นตัวยาสามารถใช้รักษาโรคได้ โดยจะใช้เท้าชุบน้ำสมุนไพร ประกอบไปด้วยไพลนำมาบดแล้วผสมกับน้ำในสัดส่วนที่เหมาะสม แล้วย่ำบนข่างที่เผาไฟร้อนจนเป็นสีแดง จากนั้นจึงย่ำบนร่างกายของผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวด กดด้วยความร้อนใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือแล้วแต่อาการของโรค ซึ่งผู้ย่ำข่าง ของสปาเบญจคุณเป็นถึงลูกศิษย์ของครูบาศรีวิชัย
[center]
“เบญจคุณ เป็นสปาที่ไม่เน้นแสวงหาผลกำไรมากนัก เพียงต้องการช่วยเหลือคนเป็นเสมือนแพทย์ทางเลือกให้ผู้ป่วยทดลองรักษาก่อนเข้าสู่แพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังสะสมมานาน แพทย์ให้ผ่าตัด แต่เมื่อมาลองรักษากับเรา มานวดตอกเส้น อาการก็เริ่มดีขึ้นไม่ต้องผ่าตัด เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามการรักษาก็มีข้อขำกัดสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุน หรือโรคประจำตัว ที่ต้องหมอเมืองวินิจฉัยก่อน”
นอกจากนี้ยังมีการทำผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงผิวพรรณ ผิวหน้า เส้นผม และผลิตภัณฑ์สปา กว่า 30 รายการ ในราคาเริ่มต้นที่ 75-950 บาทเท่านั้น และได้รับการการันตีคุณด้วยรางวัลโอทอประดับ 5 ดาว โดยอนาคตพชรพัชร์ ฝันไกลไปถึงการเปิดโรงพยาบาลหมอเมือง หวังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยด้วยสมุนไพรไทยและวิถีภูมิปัญญาชาวบ้าน รวมถึงปลูกจิตสำนักให้ชาวบ้านหันมาปลูกผักพื้นบ้านปลอดสารพิษ เพราะเชื่อมั่นว่าผักเหล่านี้เป็นยารักษาโรคได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย
ที่มา : manager.co.th