เสื้อยืด Rude Dog ขายผ่าน Instagram เพียง 1 ปี ยอดขายทะลุ 25,000 ตัว

[Yamachita]

[center][/center]

พลังสื่อสังคมออนไลน์ปัจจุบันกลายเป็นสื่อทรงอานุภาพหากนำมาใช้ให้ตรงจุด อย่างการขยายตลาดและทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว แถมหมดกังวลเรื่องทำเล หน้าร้าน ที่ช่วยลดต้นทุนธุรกิจไปมากโข เช่นเดียวกับ “เสื้อยืด Rude Dog” ที่ขายผ่านอินสตาแกรม (Instagram) เพียง 1 ปียอดขายทะลุ 25,000 ตัว

นายอุดมศักดิ์ รักรอด หรือ เคน เจ้าของเสื้อยืดแบรนด์ Rude Dog ย้อนที่มาธุรกิจนี้ว่า เกิดขึ้นเพียงเพราะตนเองต้องการสร้างสมดุลให้สมองทั้งซ้ายและขวาทำงานเท่าเทียมกัน เพราะที่ผ่านมาใช้แต่ซีกซ้ายอยู่กับตัวเลข ทุกอย่างต้องมีเหตุมีผลมาสนับสนุน จากการเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ทั้งระดับปริญญาตรี และโท รวมถึงเมื่อทำงานก็อยู่ในศาสตร์ดังกล่าว โดยเป็นวิศวกรด้านพลังงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ดังนั้นเมื่อมีเวลาว่างมักวาดรูป ออกแบบงานต่างๆ และนำผลงานมาสกรีนลงบนเสื้อยืดหวังคลายเครียด แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นธุรกิจที่มีรายได้มากกว่าเงินเดือนหลายเท่าตัวไปแล้ว

การเป็นมือใหม่ในวงการเสื้อยืดสำหรับหนุ่มวิศวกรถือเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยเพราะทุกอย่างต้องเริ่มจากศูนย์แทบทั้งสิ้น แต่เพื่อให้ธุรกิจมีความเสี่ยงน้อยที่สุด หนุ่มเคนจึงเลือกใช้วิชาสถิติที่ตนเองถนัด นำผลที่ได้มาวิจัยลวดลายบนเสื้อยืด 4-5 แบบของตน และนำผลที่ได้จากตัวเลขสถิติมาผลิตเสื้อยืดตามแบบที่ลูกค้าชอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่วิศวกรหนุ่มได้เปรียบและมีความชำนาญที่สุด

[center][/center]

เมื่อลวดลายที่จะถูกสกรีนลงบนเสื้อยืดลงตัว ก็มาถึงการหาโรงงานผลิต พร้อมสร้างแบรนด์ควบคู่กันไป สุดท้ายมาลงตัวที่ชื่อ “Rude Dog” แปลความได้ว่า “หมาขโมย” ซึ่งหนุ่มเคนเปรยว่าให้ความรู้สึกว่าเป็นแบดบอย (Bad Boy) หน่อยๆ แต่แฝงไว้ด้วยความน่ารัก รวมถึงลายของเสื้อยืดที่ตนเองออกแบบก็ดูแบบมาจากในอินเทอร์เน็ตและนำมาดัดแปลงจนเป็นลายของตัวเอง ซึ่งยอมรับว่าเขาไม่ใช่คนเก่งงานศิลปะมากนัก

“ลายที่ผมออกแบบนั้นจะมีโลโก้หนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์และความเป็นเสื้อ Rude Dog ได้เป็นอย่างดีคือ สุนัขพันธุ์บูลเทอเรียร์ ที่มีนิสัยซน ดื้อนิดๆ และคนทั่วไปจะรู้สึกเป็นมิตรง่าย ส่งผลให้รูปลักษณ์ที่ออกมานั้นจะดูน่ารักเพื่อให้ผู้หญิงชอบ เพราะผมคำนึงว่าส่วนใหญ่ผู้หญิงจะชอบชอปปิ้งมากกว่าผู้ชาย หากออกแบบให้ผู้หญิงชอบก็ไม่พ้นที่ต้องซื้อไปฝากผู้ชาย ส่วนฟอนต์ (Font) ที่เป็นตัวหนังสือก็จะออกแบบให้แข็งนิดหน่อยเพื่อให้ผู้ชายสวมใส่ได้ ส่วนลวดลายจะอยู่กลางๆ ไม่มากไม่น้อยเกินไป ซึ่งผมเชื่อว่าเสื้อยืดลายประมาณนี้ยังไม่ค่อยมีคนทำออกมามากนัก ขณะที่ลายจะออกแบบมาไม่เกิน 18 ลาย เพราะวิจัยมาแล้วว่าหากมีลายมากเกินลูกค้าจะไม่จดจำและติดตามผลงาน ดังนั้นเมื่อมีลายใหม่เกิดขึ้น ลายเก่าก็ต้องหายไป”

แม้ครั้งแรกจะออกแบบเสื้อยืด Rude Dog เจาะกลุ่มลูกค้าเพศชาย แต่นอกจากจะได้กลุ่มลูกค้าที่ตั้งใจไว้แล้ว กลับได้กลุ่มเพศที่ 3 ก็ชื่นชอบไม่แพ้กัน จากเนื้อผ้ายืดคอตตอนเนื้อนุ่ม สวมใส่สบาย แพตเทิร์นเหมาะกับสรีระคนไทย แถมราคาก็ไม่สูงเกินไปนักอยู่ที่ 250 บาทเท่านั้น



“ผมเป็นเจ้าของสูตรเนื้อผ้ายืดคอตตอนชนิดนี้แต่เพียงผู้เดียว” เป็นคำกล่าวของหนุ่มเคน ที่ต้องขอให้ขยายความต่อเพื่อคลายข้อสงสัย ซึ่งเขาบอกว่า ตนได้มีโอกาสร่วมพูดคุยกับโรงงานผลิตเนื้อผ้าว่าต้องการเนื้อผ้าแบบใด ซึ่งโรงงานก็นำผ้าคอตตอนมาผสมกับเส้นใยอื่นๆ ในสัดส่วนที่หนุ่มเคนต้องการออกมาเป็นผ้าเนื้อนุ่มเหมือนไม่ได้ใส่ ไม่ยืด หด หรือย้วยเมื่อใส่ไปเป็นเวลานาน หรือเรียกได้ว่าเป็นการตอบโจทย์แฟนพันธุ์แท้เสื้อยืด เพราะขจัดจุดด้อยออกไปได้หมด ซึ่งการทำเนื้อผ้าตามสูตรดังกล่าวค่อนข้างใช้เงินทุนสูง แต่เขาก็ไม่หวั่น เพราะต้องการทำสินค้าคุณภาพที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า

แม้เสื้อยืด Rude Dog จะมีอายุเพียง 1 ปีเศษ แต่ยอดขายกลับเติบโตอย่างรวดเร็วเกินคาดหมาย ทะยานแตะ 25,000 ตัวที่มาจากพลังโซเชียลมีเดีย (Social Media) ล้วนๆ ผ่านแอปพลิเคชันอินสตาแกรม จากเขาเชื่อว่าการตลาดแบบปากต่อปากจะสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าในเรื่องคุณภาพสินค้าได้เป็นอย่างดี มากกว่าการสาธยายสรรพคุณสินค้าจากปากเจ้าของธุรกิจเอง

“ผมยอมรับว่าธุรกิจนี้เติบโตและมีวันนี้ได้มาจากพลังอันทรงอานุภาพจากโซเชียลมีเดียอย่างแท้จริง เพราะเราสามารถลดต้นทุนในเรื่องต่างๆ ไปได้มาก อย่าง ค่าเช่าหน้าร้าน การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การหาทำเล เพราะเมื่อคนเห็นสินค้าผ่านอินสตาแกรม โดยเฉพาะบรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็สั่งไปขาย หรือคนที่เล่นอินสตาแกรมเห็นก็สั่งซื้อไปใส่เองเมื่อได้รู้ถึงคุณภาพของเนื้อผ้า ลวดลาย การแพตเทิร์นก็ติดใจในสินค้ามีการซื้อซ้ำเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ขณะนี้สัดส่วนการขายส่งอยู่ที่ 80% และอีก 20% เป็นการขายปลีก ซึ่งรวมถึงลูกค้าต่างประเทศด้วย แม้ตัวเลขยังไม่มากนักแต่ถือว่าเป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอีกทางหนึ่ง”

ความสุขของคนทำเสื้อยืดสุดท้ายแล้วคงหนีไม่พ้นความภาคภูมิใจที่ได้เห็นคนใส่เสื้อของตนเดินตามท้องถนน ที่เคนบอกว่า คงไม่มีความสุขอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว แล้วก็ไม่มีความสุขใดเท่าการทำงานที่ตนเองรัก ทำให้ในทุกๆ วันไม่รู้สึกว่าเป็นวันทำงาน


ที่มา : manager.co.th