รูปภาพแจ้งข่าว ทางเว็บบอร์ด openerpthailand.org ได้เปลี่ยนระบบเว็บบอร์ด ใหม่เป็น phpBB 3.1
  1. บุคคลทั่วไป จะไม่สามารถเข้าอ่านกระทู้บางบอร์ด แนะนำให้ท่าน สมัครสมาชิกคลิกตามลิงค์นี้
  2. สมาชิกใหม่ ถ้ายังไม่ได้แนะนำตัวจะไม่สามารถ ตั้งกระทู้ และ ดาวน์โหลด ไฟล์จากเว็บบอร์ดได้ ท่านจำเป็นต้องแนะนำตัวที่หมวดนี้
  3. ถ้ามีปัญหาการใช้งาน หรือ ข้อเสนอแนะใดๆ แนะนำได้ที่นี่
  4. ปุ่มรูปหัวใจใต้โพส แต่ละโพส ท่านสามารถกดเพื่อสื่อถึงคนโพสนั้นถูกใจท่าน
  5. ห้ามลง E-mail, เบอร์โทรส่วนตัว, Line id หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เพื่อป้องกันการแอบอ้างและโฆษณาแฝง โดยสามารถติดต่อสมาชิกท่านอื่นผ่านระบบ PM ของบอร์ด
  6. ท่านสามารถปิดการแจ้งนี้ได้ ที่มุมขวาของกล่องข้อความนี้

บุคคลทั่วไปสามาเข้าสู่ระบบ ด้วย Account ของ FaceBook ได้แล้ว คลิกที่นี่ได้เลย

จำปาฟาร์ม ฟาร์โคนมพระราชทานที่สร้างอนาคตให้ครอบครัวได้

รวมข่าวสารเกี่ยวกับ ธุรกิจ ความเคลื่อนไหวทางด้านธุรกิจที่สำคัญๆ แบ่งปันกันได้ที่หมวดนี้
Yamachita
โพสต์: 448
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 31 ต.ค. 2012 8:20 pm

จำปาฟาร์ม ฟาร์โคนมพระราชทานที่สร้างอนาคตให้ครอบครัวได้

โพสต์โดย Yamachita » ศุกร์ 28 ธ.ค. 2012 10:19 am

[center]รูปภาพ[/center]

หนึ่งชีวิตที่น่าอิจฉาที่สุดคือการค้นพบว่าจุดมุ่งหมายสูงสุดของการมีชีวิตอยู่คืออะไร เช่นเดียวกับคุณลุงสุดใจ-คุณป้าทองห่อ จำปา สมาชิกเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมรุ่นแรกของเมืองไทยที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยที่ดินจำนวน 25 ไร่ พร้อมแม่โคสาว 6 ตัว เพื่อลงแรงให้ “คนเลี้ยงโคนม” กลายเป็นอาชีพที่มั่นคงของเกษตรกรไทย หนึ่งในภารกิจท้าทายขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ค. ที่วันนี้ชีวิตจริงของครอบครัว “จำปา” ได้พิสูจน์แล้วว่านี่คือ “โคนมอาชีพพระราชทาน” ที่สร้างอนาคตให้ครอบครัวได้

“สุดใจ จำปา” เดิมเป็นคนที่ราบสูง จังหวัดศรีสะเกษ หนีบพกวุฒิการศึกษาระดับ ปวช.จากวิทยาลัยเกษตรกรรม บ่ายหน้ามาจากบ้านเกิดเพื่อสอบบรรจุเป็นข้าราชการขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ค. ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ด้วยอัตราเงินเดือน 500 บาทเมื่อปี 2505 เพราะเชื่อว่าตนคงเอาดีได้ด้วยอาชีพนี้ และเมื่อบรรจุแล้ว ลุงสุดใจยังได้เรียนรู้เพิ่มเติมในหน้าที่เกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงและดูแลโคนมครั้งแรก ที่ศูนย์การเลี้ยงโคนม จังหวัดชลบุรี ของ อ.ส.ค. ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าโคนมพันธุ์เรดเดนจากเดนมาร์กพันธุ์นี้น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่สดใสของเกษตรกรไทยในที่สุด

จากนั้นลุงสุดใจยังได้สมัครเข้าเป็นนักเรียนโคนมรุ่นแรกของ อ.ส.ค.ที่เปิดให้การอบรมตั้งแต่ปี 2506-2511 ตลอดระยะเวลา 5 ปี และที่สุดได้ผ่านการสอบคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการเป็นเกษตรกรที่ได้รับพระราชทานที่ดินสำหรับเลี้ยงโคนม จากจำนวนทั้งหมด 150 ครัวเรือน ได้รับพระราชทานที่ดินจำนวน 25 ไร่ พร้อมโรงเรือน และแม่โคสาวอีก 6 ตัว โดยมีเงื่อนไขว่า 3 ปีแรกยังไม่ต้องชำระเงินต้นและดอก ตลอดระยะเวลา 10 ปีหากนำเงินมาชำระ 3 แสนบาทจึงจะได้สิทธิขาดในการดูแลที่ดิน และลูกโคผู้ที่เกิดขึ้นระหว่างเลี้ยงจะเป็นของ อ.ส.ค. และมี อ.ส.ค.เป็นพี่เลี้ยงในการเลี้ยงโคนมทั้งหมด

ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าเป็นอาชีพ เรามีครอบครัว เพียงแค่ลงแรงอย่างน้อยก็มีที่อยู่ที่กิน ซึ่งคุณป้าเองก็มีที่ดินที่ปลูกน้อยหน่าบ้าง ข้าวโพดบ้าง ที่ต้องทำเสริม เพราะแม่โคที่ได้มาตอนนั้นยังไม่ให้น้ำนม อาหารสัตว์ก็อาศัยเกี่ยวหญ้าขนตามริมคลองมาเลี้ยง เวลามีปัญหาทั้งเรื่องโรค หรือเรื่องการผสมเทียมจะมีเจ้าหน้าที่ อ.ส.ค.มาเป็นพี่เลี้ยงให้”

[center]รูปภาพ[/center]

วันเริ่มต้นเป็นสมาชิก อ.ส.ค.ของลุงสุดใจมีป้าทองห่อคู่ชีวิตเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ ในการสร้างให้จำปาฟาร์มแข็งแรงขึ้น เพราะนอกเหนือจากการทำไร่น้อยหน่า ไร่ข้าวโพด ไร่มันสำปะหลังผลัดเปลี่ยนตามฤดูกาลแล้ว ในวันนั้นสองสามีภรรยายังต้องเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่เพื่อเสริมให้มีรายได้เพิ่มเติมในช่วงที่น้ำนมยังไม่สามารถเป็นรายได้หลักของครอบครัวได้

จากแม่โคสาว 6 ตัว นับแต่ปี 2505 นั้น วันนี้จำปาฟาร์มของลุงสุดใจมีจำนวนโคนมทั้งสิ้นกว่า 80 ตัวที่สามารถให้น้ำนมได้วันละ 500 กิโลกรัม โดยส่งให้ อ.ส.ค.ทั้งหมดในกิโลกรัมละ 17.30 บาท สำหรับน้ำนมเกรด 1 และลดหลั่นกันไปตามคุณภาพน้ำนม

“สองคน เราก็ทำไป ปรับปรุงไป ขยายไปเรื่อยๆ ตอนไหนที่ทำไม่ไหวเยอะเกินไปก็ขายออกไป ลูกๆ 3 คนตอนแรกที่เรียนจบมาเขาก็ไปทำงานบริษัทเอกชน ไม่ได้มาช่วย เหนื่อยทำไม่ไหวก็ต้องขาย ยิ่งตอนที่ลูกเรียนด้วยแล้วช่วงนั้นค่อนข้างหนักมาก จนวันนี้ลูกทุกคนกลับมาช่วยงานเพราะเห็นว่าพ่อแม่แก่แล้วทำไม่ไหว ผมก็เริ่มที่จะเก็บโคสาวไว้เพิ่มขึ้นเพื่อขยายต่อไป” ลุงสุดใจเล่า

วันนี้จำปาฟาร์มมีทายาทรุ่นที่ 2 เข้ามาดูแลรับช่วงต่อ และเป็นช่วงที่สำคัญเพราะ 2 ลูกชาย และ 1 ลูกสาวกลายเป็นกำลังหลักที่จะมาพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการภายในฟาร์มให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยได้เข้ามาปรับเปลี่ยนนำเครื่องรีดนมโคมาใช้ได้ราว 3 ปีเพื่อให้ได้น้ำนมคุณภาพและทันเวลาในการจัดส่งน้ำนมมากขึ้น หรือขายลูกโคเพศผู้ให้สำหรับฟาร์มที่ต้องการ และยังสามารถผสมข้ามสายพันธุ์ที่มีน้ำนมเพิ่มขึ้นได้ และมูลโคที่เกิดขึ้นได้มีการบริหารจัดการให้เป็นระบบเพื่อขายต่อชัดเจน มีรายรับรายจ่ายที่แน่นอน ลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นตลอดกระบวนการผลิตทั้งหมด ทำให้รายได้ที่รั่วไหลจากระบบการดูแลที่ไม่รัดกุมกลับมาเหลือเป็นกอบเป็นกำยิ่งขึ้น

“แม่โคตัวไหนที่เริ่มให้น้ำนมน้อย ป่วยเป็นเต้านมอักเสบเรื้อรัง หรือมีความเสี่ยงในการแท้งลูกบ่อยเราก็จะขายออก เพราะมันจะเสียเวลาในการดูแลมาก ไม่คุ้มกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ลูกชายทั้งสองคนที่เข้ามาก็เข้ามาจัดระบบให้ชัดเจน เช่นโรงรีดนมก็แบ่งสัดส่วนให้สะดวกขึ้น พื้นที่ 25 ไร่ก็แบ่งสัดส่วนในการปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช เพื่อให้มีอาหารเพียงพอสำหรับช่วงฤดูแล้ง ที่เมื่อก่อนผมทำกัน 2 คนตายาย ก็ทำไหวบ้างไม่ไหวบ้าง”

เมื่อถามถึงความภาคภูมิใจในอาชีพเกษตรกรนั้น ลุงสุดใจพูดปนยิ้มว่า วันเริ่มต้นนั้นก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าใครจะเป็นคนที่ดื่มนมวัว แต่มั่นใจอย่างหนึ่งว่า เมื่อเป็นพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว “โคนมอาชีพพระราชทาน” นับเป็นสายพระเนตรอันกว้างไกลของพระองค์ท่าน ที่พระราชทานอาชีพใหม่ให้แก่ประชาชนชาวไทย เพื่อให้มีความรู้ความสามารถ มีอาชีพที่เลี้ยงตนเอง และครอบครัวได้ แม้แต่จิตวิญญาณที่ตนมีคือ ลมหายใจของเกษตรกร ที่รับใช้แผ่นดินมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นพ่อ จึงเชื่อว่าการลงแรงเป็นเกษตรกรของตนคงเป็นการลงทุนที่ง่าย และถือว่าเป็นการรับใช้และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยชีวิตของการเป็นเกษตรกรคนหนึ่ง ซึ่งได้ทำอาชีพที่สุจริต มีรายได้ที่มั่นคง และดำรงชีวิตอยู่อย่างพอเพียง ก็สามารถนำพาครอบครัวให้มีชีวิตที่มีความสุขได้

“จำปาฟาร์ม” คือ ฟาร์มขนาดใหญ่ฟาร์มหนึ่งของพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี มีจำนวนโคนมสูงถึง 83 ตัว และจะเพิ่มเติมอีกแน่นอนเมื่อทายาทรุ่นที่ 2 เข้ามาบริหารจัดการ และยังเป็นฟาร์มยุคแรกที่ยังคงดำเนินการต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลา 50 ปี เพราะเกษตรกรที่ได้รับพระราชทานที่ดินในรุ่นแรกทั้ง 150 ครัวเรือนนั้นเหลือไม่ถึง 10 ครัวเรือนที่ทำต่อเนื่อง เพราะต่างก็แยกย้ายหรือเลิกทำอาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมกันไปแล้วตามวันเวลา และด้วยกระแสของทุนนิยมที่กำลังไหลเข้าสู่มวกเหล็ก ดินแดนคาวบอยแห่งเมืองไทย หากแต่ลุงสุดใจและป้าทองห่อยังยึดมั่นว่า “นี่คือโคนมอาชีพพระราชทาน” ที่สองตายายสามารถส่งต่อถึงมือลูกและหลานได้นั่นเอง


ที่มา : manager.co.th

ย้อนกลับไปยัง

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: 33 และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน