ไลอ้อน เผยปัญหาค่าแรงขั้นต่ำและวัตถุดิบที่สูงขึ้น บริษัทยังคงราคาเท่าเดิม

[Yamachita]

น.ส.วันดี วงศ์บุญสิน ผู้จัดการส่วนผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาต้นทุนค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นนั้น บริษัทยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาสินค้า โดยยังคงราคาขายผลิตภัณฑ์ลดปัญหาผมขาดหลุดร่วง ภายใต้แบรนด์ “ฟอลเลส” ไว้ในระดับเท่าเดิมต่อไป
[center][/center]

สำหรับการทำตลาดในปี 2555 นี้ บริษัทได้ทุ่มงบประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อทำตลาดฟอลเลส ซึ่งถือว่ามากที่สุดในรอบ 7 ปี เพื่อสร้างแบรนด์ฟอลเลสสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคนรุ่นใหม่ โดยเน้นทำกิจกรรมผ่านสื่อออนไลน์ ด้วยการใช้งบผ่านสื่อออนไลน์สัดส่วน 10% เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่ผ่านมาที่ใช้งบผ่านสื่อออนไลน์ในสัดส่วนเพียง 5% เท่านั้น บริษัทมั่นใจว่าจากแผนการทำตลาดที่วางไว้นี้ จะทำให้ฟอลเลสเป็นผู้นำในตลาดแชมพูสมุนไพรได้ต่อไป โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 42% ในสิ้นปี 2555 นี้ จากปี 2554 ที่มีส่วนแบ่งการตลาด 38% และในปี 2556 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 50% ทั้งนี้งบการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์นั้น บริษัทจะเน้นทั้งสื่อเฟซบุ๊ค และเว็บไซต์ เพื่อสร้างกระแสการพูดถึงแบบปากต่อปาก ร่วมทั้งทำกิจกรรมการตลาดผ่านร้านค้าอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ในปี 2557 บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวฟอลเลสในสินค้ากลุ่มใหม่ออกมาสู่ตลาด เพื่อให้สินค้ามีความหลากหลายมากที่สุด จากปัจจุบันมีแชมพู ครีมนวด และแฮร์ โทนิค พร้อมกันนี้ได้ดึงดารานักร้องดัง “ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคนรุ่นใหม่ เชื่อมั่นว่าจากแผนการตลาดที่วางไว้จะทำให้ยอดขายรวมกลุ่มฟอลเลสในสิ้นปี 2555 นี้เติบโต 20% จากปี 2554 นอกจากนี้ ในปี 2556 จะใช้งบการตลาดผ่านสื่อออนไลน์มากกว่า 10% เพื่อผลักดันยอดขายฟอลเลสในปี 2556 ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ต่อเนื่องจากปี 2555 นี้

ทั้งนี้สัดส่วนยอดขายสินค้ากลุ่มเพื่อความงาม คิดเป็นสัดส่วน 10% ของยอดขายรวมทั้งบริษัท โดยมีแบรนด์ในเครือประกอบด้วย ฟอลเลส, โชกุบุสซึ โมโนกาตาริ, แชมพูคิวลีน, สบู่ฟลอเร่, แชมพูฟรีแอนด์ฟรี ซึ่งในแต่ละปีบริษัทจะใช้งบการทำตลาดสินค้ากลุ่มเพื่อความงามนี้ประมาณ 40% ของยอดขาย เพื่อสร้างแบรนด์และกระตุ้นยอดขายให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับตลาดรวมแชมพูในปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท เติบโต 7% ถือว่าเติบโตสูงในรอบหลายปีที่ผ่านมา จากเดิมตลาดรวมแชมพูไม่มีการเติบโตแต่อย่างใด เพราะตลาดรวมแชมพูกลุ่มเพื่อความงามมีการแข่งขันสูง และใช้งบการทำตลาดจำนวนมาก ทำให้ปัจจุบันตลาดแชมพูเพื่อความงามเติบโตมากที่สุดถึง 7% โดยสัดส่วนของตลาดแบ่งเป็น แชมพูเพื่อความงาม 62.4% แชมพูขจัดรังแค 31.8% แชมพูสมุนไพร 2.7% และแชมพูสำหรับเด็ก 2.1%

ในขณะที่ตลาดรวมแชมพูสมุนไพรในปี 2555 นี้ คาดว่าจะเติบโต 3% และคาดว่าในปี 2556 หลังจากบริษัทได้ออกมาทำกิจกรรมการตลาดมากขึ้น จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดรวมแชมพูสมุนไพรเติบโตได้ 5% จากปี 2555 โดยมีฟอลเลส เป็นผู้นำในตลาดแชมพูสมุนไพรไทยต่อไป


ที่มา : naewna.com