นักลงทุนต่างชาติร่วมทุนพัฒนาศูนย์การค้า ให้เทอร์มินอล 21 ลงทุนค้าปลีก
โพสต์แล้ว: จันทร์ 05 พ.ย. 2012 10:26 am
เทอร์มินอล21 เผยนักลงทุนต่างชาติกว่า30ราย เจรจาร่วมทุนพัฒนาศูนย์การค้าในต่างประเทศ คาดเคาะแผนใน 5 ปี เปิดกลยุทธ์ดึงแฟชั่นแบรนด์ดังเปิดช็อป
นายต่อศักดิ์ บุษรานนท์ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 บริษัท แอลแอนด์เอช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในเครือบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าปัจจุบันมีนักลงทุนจากหลายประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ทั้งจีน สิงคโปร์ และฮ่องกงกว่า 30 ราย สนใจให้บริษัทเข้าไปลงทุนธุรกิจค้าปลีกภายใต้รูปแบบการร่วมทุนในประเทศต่างๆ ซึ่งบริษัทสนใจและมีความพร้อมอยู่แล้ว โดยคาดว่าจะดำเนินการได้ภายใน 5 ปี
ภายใต้แผนการลงทุนในต่างประเทศ นอกจากการเปิดศูนย์การค้าแล้ว คือการนำแบรนด์สินค้าของคนไทย ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวต่างชาติ เข้าไปเปิดตลาด เพื่อรุกสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง
“แผนการลงทุนศูนย์ฯในต่างประเทศ ปัจจัยหนึ่งต้องการช่วยส่งเสริมสินค้าแบรนด์ไทย ให้มีช่องทางจำหน่ายในต่างประเทศ โดยพร้อมร่วมมือกับภาครัฐเพื่อให้ความรู้กับกลุ่มผู้ประกอบการคนไทย เร่งสร้างขีดความสามารถการแข่งขันกับตลาดโลก" นายต่อศักดิ์กล่าว
ส่วนแผนรับมือการเปิดเสรีการค้า หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 บริษัทได้เตรียมแผนลงทุนในช่วง 5-8 ปีจากนี้ ด้วยการลงทุนเปิดศูนย์การค้าในภูมิภาคอาเซียนภายใต้การเข้าไปของกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซึ่งศักยภาพด้านธุรกิจค้าปลีกไทยถือว่าแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน เห็นได้จากในอดีตการรุกเข้ามาขยายธุรกิจค้าปลีกของแบรนด์ยักษ์ใหญ่ต่างประเทศในไทยถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ
นายต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่าการแข่งขันธุรกิจค้าปลีกไทยในปัจจุบันถือว่า"รุนแรง" โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าแฟชั่นที่มีแบรนด์ชั้นนำระดับโลกเข้ามาบุกตลาดจำนวนมากมาย โดยเฉพาะแบรนด์ที่มียอดขายอันดับต้นๆ เช่น ซาร่า ยูนิโคล่ และเอชแอนด์เอ็ม เป็นต้น ทั้งนี้ ได้มีการเจรจากับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ เพื่อนำแบรนด์ชั้นนำเข้ามาเปิดช็อปเสริมความแข็งแกร่งให้กับเทอร์มินอล 21 ด้วยเช่นกัน
โดย "เอชแอนด์เอ็ม" แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นจากสวีเดน จะเข้ามาเปิดช็อปในศูนย์ฯ ช่วงไตรมาสแรกปี 2556 เชื่อว่าจะทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในศูนย์ฯมากขึ้น ปัจจุบันมีร้านค้ากว่า 450 ร้าน มีลูกค้าใช้บริการวันธรรมดา 6 หมื่นคนต่อวัน และวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดพิเศษ 7 หมื่นคนต่อวัน
อย่างไรก็ตามบริษัทเตรียมปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่ศูนย์ฯ ประมาณ 7-10% ในต้นปีหน้า ขณะที่ผลประกอบการปีนี้คาดเติบโต 10-15% มาจากค่าเช่าพื้นที่ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นพร้อมวางเป้าหมายผลประกอบการปี 2556 เติบโต 10%
สำหรับกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จของศูนย์ฯ คือการใช้ "ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง" มาใช้สื่อสารและทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานเปิดตัวศูนย์ฯ, จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ฯลฯ ส่งผลให้เป็นที่รู้จักทั้งลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติที่มีสัดส่วนจาก 20% ในช่วงแรกเพิ่มเป็น 40% ในปัจจุบัน และอีก 60%เป็นลูกค้าคนไทย คาดว่าในปีหน้าสัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 50% กลุ่มหลักคือ ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน และยุโรป
ที่มา :bangkokbiznews.com
นายต่อศักดิ์ บุษรานนท์ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 บริษัท แอลแอนด์เอช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในเครือบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าปัจจุบันมีนักลงทุนจากหลายประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ทั้งจีน สิงคโปร์ และฮ่องกงกว่า 30 ราย สนใจให้บริษัทเข้าไปลงทุนธุรกิจค้าปลีกภายใต้รูปแบบการร่วมทุนในประเทศต่างๆ ซึ่งบริษัทสนใจและมีความพร้อมอยู่แล้ว โดยคาดว่าจะดำเนินการได้ภายใน 5 ปี
ภายใต้แผนการลงทุนในต่างประเทศ นอกจากการเปิดศูนย์การค้าแล้ว คือการนำแบรนด์สินค้าของคนไทย ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวต่างชาติ เข้าไปเปิดตลาด เพื่อรุกสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง
“แผนการลงทุนศูนย์ฯในต่างประเทศ ปัจจัยหนึ่งต้องการช่วยส่งเสริมสินค้าแบรนด์ไทย ให้มีช่องทางจำหน่ายในต่างประเทศ โดยพร้อมร่วมมือกับภาครัฐเพื่อให้ความรู้กับกลุ่มผู้ประกอบการคนไทย เร่งสร้างขีดความสามารถการแข่งขันกับตลาดโลก" นายต่อศักดิ์กล่าว
ส่วนแผนรับมือการเปิดเสรีการค้า หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 บริษัทได้เตรียมแผนลงทุนในช่วง 5-8 ปีจากนี้ ด้วยการลงทุนเปิดศูนย์การค้าในภูมิภาคอาเซียนภายใต้การเข้าไปของกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซึ่งศักยภาพด้านธุรกิจค้าปลีกไทยถือว่าแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน เห็นได้จากในอดีตการรุกเข้ามาขยายธุรกิจค้าปลีกของแบรนด์ยักษ์ใหญ่ต่างประเทศในไทยถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ
นายต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่าการแข่งขันธุรกิจค้าปลีกไทยในปัจจุบันถือว่า"รุนแรง" โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าแฟชั่นที่มีแบรนด์ชั้นนำระดับโลกเข้ามาบุกตลาดจำนวนมากมาย โดยเฉพาะแบรนด์ที่มียอดขายอันดับต้นๆ เช่น ซาร่า ยูนิโคล่ และเอชแอนด์เอ็ม เป็นต้น ทั้งนี้ ได้มีการเจรจากับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ เพื่อนำแบรนด์ชั้นนำเข้ามาเปิดช็อปเสริมความแข็งแกร่งให้กับเทอร์มินอล 21 ด้วยเช่นกัน
โดย "เอชแอนด์เอ็ม" แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นจากสวีเดน จะเข้ามาเปิดช็อปในศูนย์ฯ ช่วงไตรมาสแรกปี 2556 เชื่อว่าจะทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในศูนย์ฯมากขึ้น ปัจจุบันมีร้านค้ากว่า 450 ร้าน มีลูกค้าใช้บริการวันธรรมดา 6 หมื่นคนต่อวัน และวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดพิเศษ 7 หมื่นคนต่อวัน
อย่างไรก็ตามบริษัทเตรียมปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่ศูนย์ฯ ประมาณ 7-10% ในต้นปีหน้า ขณะที่ผลประกอบการปีนี้คาดเติบโต 10-15% มาจากค่าเช่าพื้นที่ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นพร้อมวางเป้าหมายผลประกอบการปี 2556 เติบโต 10%
สำหรับกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จของศูนย์ฯ คือการใช้ "ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง" มาใช้สื่อสารและทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานเปิดตัวศูนย์ฯ, จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ฯลฯ ส่งผลให้เป็นที่รู้จักทั้งลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติที่มีสัดส่วนจาก 20% ในช่วงแรกเพิ่มเป็น 40% ในปัจจุบัน และอีก 60%เป็นลูกค้าคนไทย คาดว่าในปีหน้าสัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 50% กลุ่มหลักคือ ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน และยุโรป
ที่มา :bangkokbiznews.com