ผู้บริหาร สภาอุตฯระบุปัจจัยเสี่ยงปีนี้ มาจากปัจจัยทั้งใน และนอกประเทศ พร้อมจี้รัฐทบทวนนโยบายปรับขึ้นก๊าซแอลพีจี-เอ็นจีวี พร้อมเสนอให้เอกชนมีส่วนร่วมในการบริหาร การรถไฟฯ เพื่อสนับสนุนระบบรางลดต้นทุนการขนส่ง
นายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในปี 2556 ส.อ.ท. มีความกังวล 6 ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมให้ชะลอตัว หรือทรุดตัวลง ประกอบด้วย 1.ผลกระทบค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ และการขาดแคลนแรงงานทุกกลุ่ม, 2.การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก, 3.ความผันผวนราคาน้ำมันตลาดโลก, 4.การปรับราคาของวัสดุดิบในการผลิตสินค้าอย่างเหล็ก เคมีภัณฑ์ กระดาษ, 5.ความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ และ 6.ความเสี่ยงจากนโยบายภาครัฐ ดังนั้นต้องการให้รัฐบาลหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และการลดต้นทุนของประกอบการโดยเฉพาะด้านโลจิสติกส์
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่รัฐบาลน่าจะควบคุมไม่ให้เกิดปัญหากับภาคอุตสาหกรรมได้ เช่น นโยบายภาครัฐโดยพิจารณาทบทวนบางนโยบายใหม่ให้รอบคอบ อย่างเช่น นโยบายการขึ้นก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวีให้อยู่ในระดับราคาตลาดโลกที่ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น, การขึ้นค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องในทุกๆรอบ 4 เดือน รวมถึงต้องเร่งแก้ปัญหาการต่อใบอนุญาตโรงงาน หรืออนุญาตจัดตั้งโรงงานใหม่ให้รวดเร็วกว่าเดิมเพราะผู้ประกอบการบางรายต้องใช้เวลารอนานนับปี เป็นต้น
นอกจากนี้ยังต้องการให้หามาตรการเยียวยาธุรกิจที่ใช้แรงงานเข้มข้นรองรับต้นทุนค่าจ้างที่สูงขึ้น รวมถึงการจัดทำแผนแม่บทแห่งชาติในการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เพราะในอนาคตเชื่อว่าปัญหาดังกล่าวจะยิ่งบานปลายหลังจากที่ต่างชาติทะยอยเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 เนื่องจากแรงงานส่วนใหญ่ต้องการไปทำงานในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีการให้ผลตอบแทนหรือโบนัสที่ดีกว่า
“เบื้องต้น ส.อ.ท. ต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาโดยการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศไทยเพิ่ม เช่น การเปิดให้แรงงานต่างด้าวจากประเทศ อินโดนีเซีย และบังกลาเทศ เข้ามาทำงานในไทยด้วยหลังจากปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานจากประเทศพม่า ลาว และกัมพูชา เพราะพึ่งแต่แรงงานไทยกับแรงงานต่างด้าวที่อยู่ติดกับไทยก็คงลำบากแล้ว ดังนั้นรัฐบาลควรเปิดกว้างให้มีการใช้แรงงานต่างด้าวจากที่อื่นด้วย” นายธนิต กล่าว
นอกจากนี้รัฐบาลควรปรับเปลี่ยน การรถไฟแห่งประเทศไทย (กฟท.) ในการปรับโครงสร้างดำเนินการ เช่น การแปรรูปให้เอกชนเข้ามาบริหารบ้างเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจ เช่น เร่งการสร้างรถไฟรางคู่เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง โดยปัจจุบันสัดส่วนการใช้รถไฟในการขนส่งมีเพียง 2% ของการขนส่ง หากมีระบบรางคู่ก็จะทำให้การใช้ระบบรางมีมากขึ้น ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วมีสัดส่วนการใช้ระบบรางที่ 15-16%
ที่มา : naewna.com

- บุคคลทั่วไป จะไม่สามารถเข้าอ่านกระทู้บางบอร์ด แนะนำให้ท่าน สมัครสมาชิกคลิกตามลิงค์นี้
- สมาชิกใหม่ ถ้ายังไม่ได้แนะนำตัวจะไม่สามารถ ตั้งกระทู้ และ ดาวน์โหลด ไฟล์จากเว็บบอร์ดได้ ท่านจำเป็นต้องแนะนำตัวที่หมวดนี้
- ถ้ามีปัญหาการใช้งาน หรือ ข้อเสนอแนะใดๆ แนะนำได้ที่นี่
- ปุ่มรูปหัวใจใต้โพส แต่ละโพส ท่านสามารถกดเพื่อสื่อถึงคนโพสนั้นถูกใจท่าน
- ห้ามลง E-mail, เบอร์โทรส่วนตัว, Line id หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เพื่อป้องกันการแอบอ้างและโฆษณาแฝง โดยสามารถติดต่อสมาชิกท่านอื่นผ่านระบบ PM ของบอร์ด
- ท่านสามารถปิดการแจ้งนี้ได้ ที่มุมขวาของกล่องข้อความนี้
บุคคลทั่วไปสามาเข้าสู่ระบบ ด้วย Account ของ FaceBook ได้แล้ว คลิกที่นี่ได้เลย
ส.อ.ท. เผยในปี 56 มี 6 ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมให้ชะลอตัว
ผู้ใช้งานขณะนี้
กำลังดูบอร์ดนี้: 42 และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน