รูปภาพแจ้งข่าว ทางเว็บบอร์ด openerpthailand.org ได้เปลี่ยนระบบเว็บบอร์ด ใหม่เป็น phpBB 3.1
  1. บุคคลทั่วไป จะไม่สามารถเข้าอ่านกระทู้บางบอร์ด แนะนำให้ท่าน สมัครสมาชิกคลิกตามลิงค์นี้
  2. สมาชิกใหม่ ถ้ายังไม่ได้แนะนำตัวจะไม่สามารถ ตั้งกระทู้ และ ดาวน์โหลด ไฟล์จากเว็บบอร์ดได้ ท่านจำเป็นต้องแนะนำตัวที่หมวดนี้
  3. ถ้ามีปัญหาการใช้งาน หรือ ข้อเสนอแนะใดๆ แนะนำได้ที่นี่
  4. ปุ่มรูปหัวใจใต้โพส แต่ละโพส ท่านสามารถกดเพื่อสื่อถึงคนโพสนั้นถูกใจท่าน
  5. ห้ามลง E-mail, เบอร์โทรส่วนตัว, Line id หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เพื่อป้องกันการแอบอ้างและโฆษณาแฝง โดยสามารถติดต่อสมาชิกท่านอื่นผ่านระบบ PM ของบอร์ด
  6. ท่านสามารถปิดการแจ้งนี้ได้ ที่มุมขวาของกล่องข้อความนี้

บุคคลทั่วไปสามาเข้าสู่ระบบ ด้วย Account ของ FaceBook ได้แล้ว คลิกที่นี่ได้เลย

เทค เอ็นซี ธุรกิจนำเข้าเครื่องจักฟื้นตัว ดึงพันธมิตรเสริมจากญี่ปุ่นเพิ่ม

รวมข่าวสารเกี่ยวกับ ธุรกิจ ความเคลื่อนไหวทางด้านธุรกิจที่สำคัญๆ แบ่งปันกันได้ที่หมวดนี้
Yamachita
โพสต์: 448
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 31 ต.ค. 2012 8:20 pm

เทค เอ็นซี ธุรกิจนำเข้าเครื่องจักฟื้นตัว ดึงพันธมิตรเสริมจากญี่ปุ่นเพิ่ม

โพสต์โดย Yamachita » ศุกร์ 23 พ.ย. 2012 10:25 am

[center]รูปภาพ[/center]

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลังจากปลายปี 2554 โรงงานจำนวนมากในพื้นที่ภาคกลางต้องประสบปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่ จนทำให้เครื่องจักรและอุปกรณ์ได้รับความเสียหาย ส่งผลให้ช่วงต้นปี 2555 โรงงานเหล่านั้นต้องสั่งนำเข้าเครื่องจักรใหม่เพื่อมาทดแทนเครื่องจักรเก่าที่เกิดการชำรุดและเสียหายจำนวนไม่น้อย อีกทั้งภาครัฐยังให้การสนับสนุนกระตุ้นให้เกิดการลงทุนลงทุนใหม่ จากปัจจัยบวกดังกล่าวทำให้ธุรกิจผู้ประกอบการนำเข้าเครื่องจักรได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย

นายสัญชัย นันทกิจโสภณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทค เอ็นซี จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจนำเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ของธุรกิจการนำเข้าเครื่องจักรในปี 2555 ว่า ตลาดดังกล่าวมีการขยายตัวในระดับที่ดีมาก หากเทียบกับปี 2554 เนื่องจากโรงงานจำนวนมากมีการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ โดยเฉพาะโรงงานในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม

โดยกลุ่มลูกค้าเดิมของบริษัทที่ตั้งโรงงานอยู่ในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนครได้รับความเสียหายมากเช่นกัน ซึ่งบริษัทได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ไปช่วยดูแลซ่อมแซมให้ในส่วนที่ยังสามารถใช้งานได้ แต่ในส่วนที่ได้รับความเสียหายจนต้องสั่งเครื่องจักรใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยส่งมอบ คาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะส่งมอบได้เกือบหมด เพราะโรงงานที่ญี่ปุ่นและไต้หวันเองก็ผลิตเครื่องจักรใหม่ไม่ทันเช่นกัน ทำให้ระยะเวลาการส่งมอบนานขึ้นจาก 3 เดือน เป็น 5 เดือน

[center]รูปภาพ[/center]

สำหรับเครื่องจักรที่บริษัทเป็นผู้นำเข้านั้น ล้วนเป็นเครื่องจักรต้นน้ำของอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีทั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์มีสัดส่วนมากที่สุด เพราะเครื่องจักรสามารถทำต้นแบบแม่พิมพ์ได้หลายชิ้นส่วนตั้งแต่ชิ้นเล็กๆ ไปถึงบานประตู

"ในระยะ 10 ปี ที่เริ่มต้นทำธุรกิจมาจนถึงวันนี้เรามีลูกค้าเป็นพันราย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น ฮอนด้า โตโยต้า ไทยซัมมิท เป็นต้น นอกจากเครื่องจักรแล้ว บริษัทยังขายอุปกรณ์ที่ใช้กับเครื่องจักรเสริมด้วย ทำให้ธุรกิจดำเนินมาได้อย่างดี เพราะเราให้ความสำคัญในการรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้มากกว่าจะหาลูกค้าใหม่ เนื่องจากธุรกิจนี้มีการแข่งขันกันสูง มีผู้ประกอบการมากกว่า 500 ราย เป็นบริษัทของคนไทยประมาณ 63% นอกนั้นที่เหลือเป็นบริษัทลูกหรือร่วมทุนกับทางประเทศผู้ผลิต ทำให้มูลค่าของตลาดเครื่องจักรแต่ปีมากกว่า 4-5 แสนล้านบาท" นายสัญชัยกล่าว

กรรมการผู้จัดการบริษัท เทค เอ็นซี กล่าวต่อว่า การให้บริการของบริษัทนอกจากการติดตั้ง อบรมการใช้งานเครื่องจักรแล้ว ยังมีทีมงานให้บริการ หรือดูแลบำรุงรักษาเครื่องหลังการขายด้วย โดยเครื่องจักรจะมีการประกันการใช้งาน 1 ปี และเครื่องของไต้หวันจะใช้งานได้ 5 ปี ส่วนของญี่ปุ่นใช้งานได้นานถึง 10 ปีเลยทีเดียว แต่สินค้าของญี่ปุ่นก็จะมีราคาแพงกว่าของไต้หวัน อย่างเช่นเครื่องจักรขนาดเล็กของไต้หวันราคา 2 ล้านบาท ขณะที่ของญี่ปุ่นจะอยู่ที่ราคา 6 ล้านบาท ส่วนที่เคยนำเข้ามาราคาแพงสุดอยู่ที่ 16 ล้านบาท ล่าสุดราคาขยับขึ้นประมาณ 5-10% ตามต้นทุนวัตถุดิบ

อย่างไรก็ตาม มองว่าปีนี้เครื่องจักรที่ขายดีนั้น เป็นการนำเข้าเพื่อทดแทนของเดิมที่เสียหาย เช่น ตลาดรถยนต์ในปีนี้ที่เติบโตอย่างมาก จนทำการผลิตรถยนต์ออกมาจำหน่ายไม่ทัน มีสาเหตุมาจากคำสั่งซื้อเดิมจากปลายปีที่ผ่านมานำมายกยอดรวมคำสั่งซื้อในปีนี้ ซึ่งขณะนี้กำลังการผลิตในกลุ่มยานยนต์ก็น่าจะเต็มกำลังการผลิตแล้ว จึงมองว่าปีหน้าจะมีการขยายการลงทุนและการผลิตมากขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อการนำเข้าเครื่องจักรใหม่ตามไปด้วย รวมถึงในปี 2558 รัฐบาลประกาศจะสนับสนุนการผลิตรถยนต์ให้ได้ 2 ล้านคัน หลังจากมีการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี เต็มรูปแบบ และเครื่องจักรก็จะมีอัตราภาษีเป็น 0% ขณะที่ตอนนี้ยังมีอัตราภาษี 3% อยู่บ้าง

อีกทั้งมองว่า จากปัญหาความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นกับจีน ก็น่าจะทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตมาตั้งโรงงานในไทยมากขึ้น ดังนั้นบริษัทจึงต้องเตรียมความพร้อมรับการแข่งขันในปีหน้าด้วยการลงทุนขยายบริษัทและโชว์รูมใหม่ ซึ่งใช้เงินลงทุนรวมกว่า 50 ล้านบาท เพื่อวางเครื่องจักรที่นำเข้ามาสาธิตให้ผู้ประกอบการดูและยังเป็นศูนย์ทดสอบเทคโนโลยีใหม่ๆ และอบรมการใช้งานด้วย

"บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยวิศวกรที่ชำนาญงาน ล่าสุดได้ดึงช่างเทคนิคชาวญี่ปุ่นเข้ามาช่วยงาน และอยู่ระหว่างหาพันธมิตรทางธุรกิจจากญี่ปุ่นด้วย เพื่อจะได้แข่งขันกับรายอื่นๆ ได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น รวมทั้งยังเตรียมพร้อมจะไปตั้งสำนักงานตัวแทนในประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า ที่กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนหลายชาติเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายของพม่าน่าจะส่งผลให้โรงงานต่างๆ ย้ายฐานตามมาด้วย อีกทั้งประเทศเวียดนามที่เป็นฐานการผลิตแข่งกับไทย" นายสัญชัยระบุ

นายสัญชัยกล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีนี้ว่า เชื่อมั่นว่าจะปิดยอดขายได้ที่ 300 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ 220 ล้านบาท แม้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะสะดุดไปบ้าง ส่วนปีหน้าบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 300 ล้านบาท โดยมองว่ากว่าจะมีการนำเข้าเครื่อจักรใหม่อาจจะเป็นช่วงครึ่งปีหลัง เพราะการสั่งสินค้าต้องสั่งล่วงหน้าประมาณ 8 เดือน โดยในปี 2558 บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งให้เป็น 1% ของตลาดรวม หรือคิดเป็นรายได้ 500 ล้านบาท ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว


ที่มา : komchadluek.net

ย้อนกลับไปยัง

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: 49 และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน