[center]

วันที่ 19 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 21 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ที่ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 17-20 พ.ย.ว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย. เวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น ที่สำนักงานนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอให้อาเซียนและญี่ปุ่นให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อความร่วมมือด้านความเชื่อมโยง ซึ่งอาเซียนกำลังเร่งพัฒนาการเชื่อมโยงทั้งในภูมิภาคและเชื่อมต่อไปยังกรอบอาเซียน + 3 ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการรวมกลุ่มภูมิภาคที่ก่อให้เกิดพลวัตรทางเศรษฐกิจของภูมิภาคในภาพรวม
ทั้งนี้ญี่ปุ่นในฐานะนักลงทุนสำคัญในภูมิภาค มีบทบาทสำคัญต่อการสนับสนุนการเชื่อมโยงดังกล่าว ด้วยเทคโนโลยีของญี่ปุ่น เงินทุน และประสบการณ์จะช่วยขับเคลื่อนโครงการสาธารณูปโภคต่างๆที่เชื่อมโยงอาเซียน รวมทั้งโครงการเสริมภายใต้กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง – อาเซียน ไทยมีความพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนการพัฒนากับญี่ปุ่น และพร้อมส่งเสริมเงินทุนเพื่อการพัฒนาจำนวน 77 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมถึงการพัฒนาระบบภาษีตามเขตชายแดน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมการค้าตามแนวชายแดน ลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ และการจัดตั้ง ASEAN Single Window ด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ ขณะนี้ศูนย์ลดภัยพิบัติแห่งเอเชีย (ADRC) ในญี่ปุ่นและศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (ADPC) ของไทย ได้หารือร่วมกันจนใกล้ได้ข้อสรุปในการจัดทำโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการอุทกภัยร่วมกัน และหวังอย่างยิ่งว่าความร่วมมือเหล่านี้จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ซึ่งญี่ปุ่นมีความสนใจในการเข้ามาลงทุนเพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแนะนำระบบบริหารจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีระดับสูงและระบบการจัดการฟื้นฟูภัยพิบัติแก่ไทย
ส่วนด้านการค้าการลงทุน ได้มีการจัดตั้งความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ญี่ปุ่น (AJCEP) และแผนยุทธศาสตร์ร่วมมือเศรษฐกิจ 10 ปี ระหว่างอาเซียน-ญี่ปุ่น ซึ่งจะมีส่วนอย่างยิ่งในการรับมือกับความท้าทายด้านการค้าการลงทุน รวมถึงการสร้างโอกาสในการลงทุนใหม่ๆให้แก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กด้วย และเพื่อเป็นการฉลองความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ครบรอบ 40 ปี ไทยมีความยินดีที่ญี่ปุ่นรับเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่นในปีหน้า
จากนั้นเวลา 10.15 น. นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลีใต้ และการประชุมสุดยอดอาเซียนช+3 สมัยพิเศษ (จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) ส่วนในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย และมีกำหนดพบหารือทวิภาคี กับ นายเต็งเส่ง ประธานาธิบดีสหภาพเมียนมาร์ เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน โดยเฉพาะโครงการพัฒนาเรือน้ำลึกทวาย เพื่อช่วยชาวเมียนมาร์ ลดช่องว่างด้านการพัฒนาและส่งเสริมความเชื่อมโยงภายในภูมิภาค
ที่มา : prachachat.net