[center]

หลังจากตกเป็นรองโค้กในตลาดจีน ล่าสุดบริษัทเป๊ปซี่โค อิงค์. รุกคืบเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งใหม่ในจีน เพื่อพัฒนาสินค้าที่ตรงกับรสนิยมของคนในท้องถิ่น
ทิม มินเกส ประธานเป๊ปซี่โค จีนแผ่นดินใหญ่ เปิดเผยในโอกาสเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมสินค้า และเครื่องดื่มแห่งใหม่ ซึ่งเป็นศูนย์ที่ใหญ่ที่สุดนอกทวีปอเมริกาเหนือของบริษัท เมื่อวันอังคาร (13 พ.ย.) ว่า บริษัทเดอะ เพอร์แชส ร่วมลงทุนคิดเป็นมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์
ศูนย์อาร์แอนด์ดีข้างต้น จะกลายเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่มีรสชาติแบบท้องถิ่นตรงกับสินค้าที่มีอยู่ทั้งหมดของเป๊ปซี่ และได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน ไม่ว่าจะเป็นมันฝรั่งทอด ซุปปลารสเผ็ดเปรี้ยว ข้าวโอ๊ตเห็ดขาว และโซดาบ๊วยรสเปรี้ยว เป็นต้น
ศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งใหม่นี้ เกิดขึ้นหลังจากเป๊ปซี่โค ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปข้าวโพดโดริโทส น้ำผลไม้ทรอปิคานา ข้าวโอ๊ตเป๊ปซี่ และเควเกอร์ กับพันธมิตรท้องถิ่น เปิดตัวโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ในเมืองเจิ้งโจว ทางตอนเหนือของจีน และหลังจากซีอีโอคือนางอินทรา นูยี ตัดริบบิ้นแดงเปิดโรงงานผลิตมันฝรั่งของเลย์แห่งใหม่ที่เมืองหวู่อั่นในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
"แม้ในปัจจุบัน จะหามันฝรั่งทอด หรือข้าวโอ๊ตในเมืองอู๋ฮั่นยากมาก แต่นี่คือโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจของเรา" มินเกส กล่าว พร้อมเสริมว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ถือเป็นการพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับท้องถิ่นมากขึ้น เพื่อให้เหมาะกับทุกมื้ออาหารในแต่ละวันทั้ง เช้า กลางวัน เวลาดื่มชา และยามเย็น
ที่ผ่านมา เป๊ปซี่ พยายามอย่างหนักในการเพิ่มยอดขายในตลาดที่อิ่มตัวแล้วในสหรัฐ แต่ยอดขายของบริษัทในจีน กลับทะยานขึ้น 9% ในแง่ของปริมาณเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา และเมื่อเดือนต.ค. เป๊ปซี่โค รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสสาม มีกำไร 1,900 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากรายได้ทั่วโลกของบริษัทในช่วงเวลาเดียวกัน ลดลง 5.3% เป็น 16,700 ล้านดอลลาร์
มินเกส กล่าวว่า นอกจากศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งใหม่ของเป๊ปซี่ จะช่วยให้ผู้บริโภคหันมาทดลองรับประทานสินค้าของบริษัทเร็วขึ้นแล้ว ยังช่วยให้วางตลาดสินค้าได้เร็วขึ้นด้วย โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะสร้างแรงกระตุ้นจากการเติบโตในปัจจุบัน ที่ถูกสร้างขึ้นในจีนก่อนหน้านี้ ภายหลังการลงนามข้อตกลงเรื่องขวดกับเต็งยี่ (หมู่เกาะเคย์แมน) โฮลดิ้ง คอร์ป. และธุรกิจร่วมทุนของบริษัทกับอาซาฮี กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เพื่อผลิตขวดให้กับเฟรนไชส์ เครื่องดื่มเต็งยี่-อาซาฮี
นอกจากนี้ เต็งยี่-อาซาฮี ยังได้รับสิทธิพิเศษในการผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีเครื่องหมายการค้าของเป๊ปซี่ รวมถึง เกเตอเรด ทรอปิคานา และเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ
มินเกส ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเป็นพันธมิตรใหม่กับเต็งยี่ว่า เป็นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั่วจีน และน้ำผลไม้ของเต็งยี่ในปัจจุบัน มีโลโก้ของเป๊ปซี่ติดอยู่บนขวด ซึ่งจะช่วยขยายตลาดอีกช่องทางหนึ่ง
นักสังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ให้ความเห็นว่า ความเคลื่อนไหวข้างต้น จะเปิดโอกาสให้เป๊ปซี่ มุ่งเน้นการวิจัยและทำตลาดสินค้าประเภทอาหารได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยให้ช่องว่างในการแข่งขันกับคู่แข่งจากอุตสาหกรรมเดียวกัน อย่าง โคคา-โคลา ในจีนแคบลง
แต่ข้อมูลล่าสุดของบริษัทวิจัยยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล พบว่า ในตลาดเครื่องดื่มของจีน เป๊ปซี่ ยังมีส่วนแบ่งตลาด 4.4% ตามหลังโค้ก ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาด 15% ขณะที่เต็งยี่ มีส่วนแบ่งตลาด 14%
ยอดขายในแง่ปริมาณในจีนของโค้ก ช่วงไตรมาสสาม เพิ่มขึ้น 2% หลังจากเติบโตในระดับเลข 2 หลักเมื่อปีก่อหน ซึ่งโฆษกหญิงของบริษัท กล่าวว่า ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท พยายามเพิ่มยอดขายเครื่องดื่ม ด้วยการผลักดันโค้กขนาดเล็ก อย่าง ขนาด 300 มิลลิลิตร เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค เนื่องจาก ชาวจีนส่วนใหญ่ ไม่คุ้นเคยกับเครื่องดื่มที่มีขนาดใหญ่
จีน ซึ่งเป็นตลาดเครื่องดื่มใหญ่เป็นอันดับ 2 นอกสหรัฐของเป๊ปซี่ กำลังกลายเป็นตลาดเครื่องดื่ม และอาหารที่มีความสำคัญมากขึ้นของหลายบริษัท โดยยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเมินว่า ตลาดขนมขบเคี้ยวของจีน จะมีมูลค่าถึง 77,000 ล้านหยวน (ราว 12,000 ล้านดอลลาร์) ภายในสิ้นปีนี้ เพิ่มขึ้น 44% จากเมื่อปี 2551 ขณะที่คาดว่า จะทำยอดขายน้ำอัดลมได้ 71,000 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 5 ปีก่อน เกือบ 2 เท่าตัว
ที่มา : bangkokbiznews.com