[center]

นักการตลาดชี้ "โซเชียล เน็ตเวิร์ก" ดันดิจิตอล มาร์เก็ตติ้งโตพุ่ง เปิดช่องสินค้าทำโฆษณาผ่านสื่อใหม่เพิ่ม เผยคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตต่อวันกว่า 16.6 ชม.มากกว่าดูทีวี
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นายอนุวัตร เฉลิมไชย นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา "มาร์เก็ตติ้ง เดย์" หัวข้อ "Marketing in a Digital Era-Change to Win in the Socialnomics" ถึงการเติบโตของสื่อยุคใหม่ๆ อย่าง โซเชียล มีเดีย รวมถึงจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตที่ผู้บริโภคสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ง่าย ทุกที่ ทุกเวลา ทำให้พฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้า และบริการเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นโจทย์ใหญ่ของนักการตลาดที่ต้องเข้าใจ และใช้สื่อใหม่เหล่านี้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้มากขึ้น
"ยุคนี้ได้กลายเป็นยุคที่เรียกว่า socialnomic การเติบโตของโซเชียล มีเดีย ทำให้นักการตลาดต้องมีเข้าใจ ปรับตัว และใช้มันเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ต้องถ่วงดุลการใช้สื่อที่เป็นออนไลน์และออฟไลน์ให้เป็น" นายอนุวัตรกล่าว
ด้านนายสุทธิชัย หยุ่น ประธานเครือเนชั่น กล่าวว่า วันนี้การทำการตลาด (มาร์เก็ตติ้ง) แบบธรรมดาที่รู้จักกันจะจบสิ้นลง ด้วยการปฏิวัติของโซเชียล มีเดีย ที่จะเข้ามาแทนที่การทำการตลาดยุคใหม่อย่างสิ้นเชิง
"การตลาดที่เรารู้จักวันนี้จบสิ้นลงแล้ว การทำตลาดแบบใหม่กำลังมา โลกของการตลาดจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป"
นายสุทธิชัยยกกรณีตัวอย่างของวิดีโอ "กังนัมสไตล์" ที่ฮิตในเว็บไซต์ยูทูบ โดยมียอดผู้ชมมากกว่า 798,000,000 วิว เพียงเวลาไม่กี่เดือน ถือเป็นตัวอย่างของการทำดิจิตอล มาร์เก็ตติ้งที่ไร้พรมแดน และประสบความสำเร็จมากที่สุด
เช่นเดียวกับ การเลือกตั้งประธานาธิปดีสหรัฐที่ผ่านมา "นายบารัก โอบามา" ยังใช้ทวิตเตอร์สื่อสารกับประชาชนได้ทันทีที่รู้ผลว่าชนะเลือกตั้ง ด้วยคำพูดสั้นๆ ว่า "Four more years" ทำให้ข้อความนี้ถูกรีทวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทวิตเตอร์
"การทำมาร์เก็ตติ้งยุคใหม่ต้องคิดฉับพลันเดี๋ยวนั้น ไปสู่กลุ่มเป้าหมายในทันที" นายสุทธิชัยกล่าวและว่า นอกจากนี้ กระแสการใช้สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์เคลื่อนที่ยุคใหม่ ก็เป็นตัวผลักดันสำคัญให้คนทั่วโลกเข้าถึงข้อมูลได้ทันที ทุกเวลา โดยคาดว่าภายในปี 2556 โมบายจะกลายเป็นช่องทางปกติในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของคน
ประธานเครือเนชั่นยังยกกรณีตัวอย่างการปรับตัวของสื่อในเครือเนชั่นที่ปัจจุบันเข้าสู่โลกของดิจิตอลอย่างเต็มตัว โดยนำ โซเชียล มีเดีย เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงาน โดยเฉพาะแนวคิด "โซเชียล ทีวี" ที่เครือเนชั่นเป็นองค์กรสื่อแรกที่นำแนวคิดนี้มาใช้ร่วมในการรายงานข่าว โดยผู้บริโภคยุคปัจจุบันในระหว่างที่ดูทีวี จะทำกิจกรรมอื่นๆ ไปด้วย มีการใช้โซเชียล เน็ตเวิร์กในการพูดคุย คอมเมนท์ ระหว่างดูข่าว
"เนชั่นนำแนวคิดของโซเชียล ทีวี มาใช้ เพื่อให้พิธีกรข่าวได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมผ่านทางโซเชียล เน็ตเวิร์ก หรือทวิตเตอร์ เป็นหนทางหนึ่งในการสร้างแบรนด์ลอยัลตี้ ขณะเดียวกัน นักข่าวเครือเนชั่นปัจจุบันกว่า 400 คนต่างมีแอ็กเคาท์ทวิตเตอร์ ที่พร้อมรายงานข่าวผ่านโลกโซเชียลได้ทันทีเช่นกัน" นายสุทธิชัยกล่าว
น.ส.พรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาด กูเกิล ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยใช้เวลาบนโลกออนไลน์กว่า 16.6 ชั่วโมง มากกว่าดูทีวี ขณะที่ช่วงเวลาที่คนดูทีวีนั้น กลับเป็นช่วงเวลาที่มีคนใช้สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตมากที่สุด ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของนักการตลาด หรือแบรนด์สินค้าที่ต้องพยายามทำให้กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวสามารถเข้าถึงสินค้า หรือบริการผ่านแพลตฟอร์มโซเชียล มีเดีย
ทั้งนี้ มีผลสำรวจของกูเกิลระบุว่า ปัจจุบันการใช้เสิร์ชเอ็นจิ้นของคนไทยกว่า 75% เป็นการใช้เพื่อค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการ และโซเชียล แพลตฟอร์ม ถือว่ามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า และบริการของคนยุคปัจจุบันด้วย
น.ส.ปุณณดา เหลืองอร่าม ตัวแทนเฟซบุ๊กในประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการใช้เฟซบุ๊กที่แอ็กทีฟมากที่สุด โดยกรุงเทพฯ ขึ้นชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีคนใช้เฟซบุ๊กมากที่สุดในโลก จำนวนผู้ใช้งานแอ็กทีฟยูสเซอร์ 9 ล้านคน ทั้งยังเป็นช่องทางให้แบรนด์สินค้าต่างๆ ทำการตลาดผ่านเฟซบุ๊ก ที่ผ่านมาเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยจุดเด่นที่แบรนด์สินค้าใช้ช่องทางนี้เพราะผลสำรวจระบุว่าคนไทยชอบคอมเมนท์ และแบ่งปัน ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การทำมาร์เก็ตติ้งของแบรนด์ต่างๆ
ขณะที่นายทอม ศรีวรกุล กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท เอ็นโซโก้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อัตราการเติบโตของการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทยผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ยังสร้างโอกาสให้ธุรกิจบนโลกออนไลน์เติบโตตามไปด้วย ปัจจุบันกว่า 43% ของผู้ที่ออนไลน์ในไทยจะซื้อสินค้าผ่านโลกออนไลน์ด้วย และคาดว่าปีนี้จะมีคนจับจ่ายซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต (B to C) คิดเป็นเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ปัจจุบันมีแบรนด์สินค้าใช้งบโฆษณาผ่านดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง คิดเป็น 4% ของจำนวนงบโฆษณาที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 9 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีถัดๆ ไป
ที่มา : komchadluek.net