นักวิชาการ เอกชน ชี้ทางเอสเอ็มอีไทย ต้องเน้นการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ สู้ศึกสังคมโลก
นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวในงานสัมมนา พลิกเส้นทางพัฒนา..สถาปนาความมั่งคั่งใหม่ให้ประเทศ จัดโดย สถาบันอนาคตไทย และสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจว่า ประเทศไทยยังมีปัญหาการวิจัยพัฒนาที่ไม่ตอบสนองกับความต้องการของภาคเอกชน ดังนั้นแนวทางการการแก้ไขจะต้องร่วมมือทุกภาคส่วนทั้งภาค รัฐบาล เอกชนและนักวิชาการ ซึ่งจะต้องร่วมกันวิจัยและพัฒนา เพื่อนำมาสู่แนวทางการปฏิบัติได้จริง ที่สำคัญที่ผ่านมาภาครัฐยังขาดการสนับสนุนอย่างจริงจังที่ผลักดันด้านการพัฒนานวัตกรรม และการสร้างแบรนด์ ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์สินค้า
“ผมไม่ห่วงบริษัทขนาดใหญ่เพราะสามารถมีเงินทุนในการวิจัยและพัฒนาได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือผู้ประกอบการขนาดเล็ก(เอสเอ็มอี)ที่ไม่ทุนในการวิจัย ดังนั้น เป็นบทบาทหน้าที่ของรัฐที่จะต้องเข้ามาช่วยเหลือด้านวิจัยและพัฒนาเอสเอ็มอี” นายพงษ์ศักดิ์กกล่าว
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อ2ปี ก่อน ได้สำรวจเอสเอ็มอีกกว่า 70% ไม่รู้จักการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน (เออีซี) และล่าสุดที่ส่วนใหญ่เอสเอ็มอีทราบเรื่องการเปิดเออีซีปี 58 แต่ไม่ทราบว่าจะมีผลดีผลเสียอย่างไงต่อธุรกิจและยังไม่สามารถที่จะปรับตัวได้
คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ต่อไปนักวิชาการ ตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ควรร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อนำบทวิจัยต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากที่ผ่านมาภาควิชาการ และภาคเอกชน ยังขาดความร่วมมือกันอย่างจริงจัง โดยทางภาคเอกชน ควรตั้งโจทย์ เพื่อให้ภาควิชาการ ศึกษาวิจัย ซึ่งที่ผ่านมามีมหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก
“ต่อไปจะต้องดูว่า จะทำอย่างไรให้ภาควิชาการและเอกชน เปิดประตูทะลวงหากันให้ได้ แต่ก่อนอยู่กันคนละโลก นักวิชาการก็ควรลงมาจากหอคอย เพื่อมาเปิดโลกทัศน์ให้เห็นความจริง ส่วนเอกชนก็ควรบอกโจทย์มาว่าอยากให้วิจัยวิเคราะห์อะไร ภาควิชาการก็จะได้คิดให้ ซึ่งในมหาวิทยาลัย มีนักวิชาการที่เก่งๆ เยอะมาก เชื่อว่า ถ้าเปิดเข้าหากันได้ เราจะยืนอยู่ในโลกนี้ได้อย่างไม่อายใคร”
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ กล่าวว่า ภาพรวมการแข่งขันในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย ขณะนี้เริ่มมีการเข้ามาทำตลาดของสินค้าจากประเทศเกาหลีมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายบริษัทในประเทศไทยได้รับผลกระทบเนื่องจากการแข่งขันทางด้านราคา โดยกำไรของเครื่องใช้ไฟฟ้าเริ่มมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ โดยการรับมือเพื่อความอยู่รอดของบริษัทในการปรับกลยุทธ์คือการเข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภคโดยการทำวิจัยและพัฒนา ซึ่งจะต้องมีการร่วมมือกับหลายฝ่าย อาทิ บริษัทจากประเทศญี่ปุ่น และมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
“ตัวอย่างเช่นเดิมความต้องการตู้เย็นในประเทศเริ่มต้นตั้งแต่ 1 ประตู จนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็น 2 ประตู ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งสังเกตได้ว่าผู้บริโภคเริ่มมีความต้องการสินค้าที่ต้องการการออกแบบดีไซน์บ่งบอกความเป็นตัวตนมากซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนในการเป็นโอกาสในการทำการตลาดสู้กับการแข่งขันด้านราคา”นางกอบกาญจน์ กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับการวิจัยและพัฒนาทางด้านสินค้าเพื่อการรองรับการเปิดเขตเสรีเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ยกตัวอย่างเช่น หม้อหุงข้าว ในการทำอย่างไรให้ห้องหุงข้าวของประเทศไทยสามารถหุงข้าวได้ในทุกประเทศของอาเซียน ดังนั้นการพัฒนาสินค้าประเภทใดๆ ก็จะต้องเป็นผู้นำและการรองรับความต้องการในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย โดยสิ่งสำคัญในแง่ของผู้ประกอบการคือการพัฒนาฝีมือแรงงานโดยเฉพาะทางด้านภาษาซึ่งจะต้องสามารถรองรับทุกภาษาได้ในอาเซียน ซึ่งภาคเอกชนอยากให้มีศูนย์รวมด้านการให้คำปรึกษาด้านภาษาเพื่อพัฒนาก้าวสู่เออีซี
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ซึ่งการพัฒนาให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม จะต้องคำนึงถึงในทุกภาคส่วนจะต้องเดินหน้าไปพร้อมกัน เช่น โครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด เป็นการพัฒนาร่วมกันของทุกหน่วยงาน ดังนั้นการพัฒนาและการทำงานต่างๆจะต้องเป็นการทำงานแบบซิงเกิ้ลคอมมานด์ และต้องไม่ซับซ้อนกัน โฟกัสเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้เก่งเป็นเรื่องๆไป
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ กล่าวว่า ภาคเอกชนเน้นการวิจัยและพัฒนาเพื่อการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ซึ่งบริษัท เคยได้รับโอกาสในการศึกษาการผลิต สาเก จากประเทศญี่ปุ่นซึ่งจะมีการขยายฐานมาผลิตเพื่อส่งออก ซึ่งเป็นการวิจัยอย่างเต็มรูปแบบทั้งบรรจุภัณฑ์และการคิดค้นการลดต้นทุนในทุกด้าน รวมถึงการวิจัยพันธุ์ข้าว ถือได้ว่าเป็นโอกาสของประเทศไทย
ทั้งนี้ รูปแบบของการพัฒนาจะต้องได้รับความร่วมมือในการบริหารจัดการของรัฐบาล โดยมุมมองของภาคเอกชนมองประเทศไทยเมื่อเทียบกับอาเซียน ประเทศไทยมีความมั่นคงและความพร้อมในการที่ประเทศไทยได้เปรียบในการทำการตลาด ซึ่งสำหรับการเปิดเออีซีเอกชนมีความพร้อมของตัวเอง ซึ่งไม่ใช่การเปิดเออีซีแล้วจะสามารถเข้าไปได้ทันที จะต้องมีความพร้อมในเรื่องของบุคลากร ทักษะ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีการปรับตัวอย่างมากในภาคเอกชนเพื่อรับการเปิดเออีซี
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาหลายฝ่ายยังเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทต่อเศรษฐกิจโลกในการปรับตัวเตรียมความพร้อมเพื่อปรับตัวให้รองรับโอกาสเมื่อมาถึง โดยในช่วง 7 – 8 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการลงทุนในประเทศสก็อตแลนด์ ในการผลิตวิสกี้ เพื่อเปิดตลาดไปยังประเทศ รัสเซีย อินเดีย และจีน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีและเป็นการสะท้อนถึงความสำเร็จในการลงทุนรวมถึงการวิจัยในการพัฒนาการเติบโตนอกประเทศ
อย่างไรก็ตาม การเปิดเออีซีเชื่อว่าจะมีการเติบโตในทุกด้านแต่อาจจะเปรียบไม่ได้เสมือนกลุ่มประเทศอียู ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวเพื่อรอบโอกาสของกลุ่มเออีซี ซึ่งการเปิดเออีซีดังกล่าวเป็นการรวมกลุ่มหรือเปลี่ยนแปลงโดยธรรมชาติซึ่งเชื่อว่าหลายบริษัทได้มีการลงทุนอยู่แล้ว ซึ่งคงจะต้องดำเนินการต่อไป
นายฐาปน กล่าวว่า ดังนั้นรูปแบบการส่งเสริมของภาครัฐ จากเดิมที่มีการส่งเสริมการลงทุนในประเทศเท่านั้น อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการส่งเสริมแบบจูงใจต่างๆ เพื่อให้ภาคเออกชนกล้าก้าวออกไปสู่เออีซี อย่างในหลายประเทศมีการสนับสนุน
“รูปแบบการสนับสนุนในปัจจุบันองค์กรของรัฐที่ให้การสนับสนุนอาจมีความซับซ้อนส่งผลให้เกิดความสับสน ดังนั้นเพื่อความชัดเจนของอนาคตประเทศไทย อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อสะท้อนความคิดเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการต่างๆ” นายฐาปน กล่าว
ที่มา : posttoday.com

- บุคคลทั่วไป จะไม่สามารถเข้าอ่านกระทู้บางบอร์ด แนะนำให้ท่าน สมัครสมาชิกคลิกตามลิงค์นี้
- สมาชิกใหม่ ถ้ายังไม่ได้แนะนำตัวจะไม่สามารถ ตั้งกระทู้ และ ดาวน์โหลด ไฟล์จากเว็บบอร์ดได้ ท่านจำเป็นต้องแนะนำตัวที่หมวดนี้
- ถ้ามีปัญหาการใช้งาน หรือ ข้อเสนอแนะใดๆ แนะนำได้ที่นี่
- ปุ่มรูปหัวใจใต้โพส แต่ละโพส ท่านสามารถกดเพื่อสื่อถึงคนโพสนั้นถูกใจท่าน
- ห้ามลง E-mail, เบอร์โทรส่วนตัว, Line id หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เพื่อป้องกันการแอบอ้างและโฆษณาแฝง โดยสามารถติดต่อสมาชิกท่านอื่นผ่านระบบ PM ของบอร์ด
- ท่านสามารถปิดการแจ้งนี้ได้ ที่มุมขวาของกล่องข้อความนี้
บุคคลทั่วไปสามาเข้าสู่ระบบ ด้วย Account ของ FaceBook ได้แล้ว คลิกที่นี่ได้เลย
นักวิชาการชี้ SME ไทยต้องพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่สังคมโลก
ผู้ใช้งานขณะนี้
กำลังดูบอร์ดนี้: 15 และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน