โพสต์ โดย ไกร » เสาร์ 24 พ.ย. 2012 4:59 pm
คู่กัดของ Powerbuilder สมัยนั้นเป็น Delphi และตอนนี้คนที่ใช้ Delphi ก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นที่หนึ่งอยู่ดี
ผมยอมรับว่า Delphi , .NET, JAVA มีอะไรที่เหนือกว่า Powerbuilder มาก คือต้องการเขียนอะไรจะทำได้หมดทุกอย่าง Powerbuilde ทำไม่ได้เยอะมาก ติดขัดไปหมดทุกอย่าง
แต่ในด้าน Database Powerbuilder เหนือชั้นกว่ามาก คือสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลได้เกือบทุกตัว และสามารถติดต่อได้พร้อมๆกันดัวย และการทำงานก็ง่ายกว่ามาก ไม่ต้องเขียน SQL Command
เมื่อเทคโนโลยี่เริ่มเปลี่ยน มี web มี mobile Toots เก่าไม่สามารถตอบโจทย์ได้ ทำอย่างไรครับ
เมื่อ 7 ปีที่แล้ว
ผมเขียน ASP.NET Framework 1 + Datawindows .NET ให้กับร้านอาหารญี่ปุ่น ตอนนนั้นมีอยู่ประมาณ 40 สาขาทั่วประเทศ โจทย์ตอนนั้น intranet ใช้ Frame relay 64K Terminal เป็น windows 98 touch screen 640 * 480 ต้องเขียน Web appication ที่รองรับ Touch screen ความรู้ในการติดต่อเท่ากับ Modem 64 K โดยต้องรองรับ 40 สาขา ตอนนั้นเริ่มจะมีการเขียน Ajax กันในต่างประเทศ
โปรเจ็คเสร็จภายใน 6 เดือน ยังไม่รวมเวลาค้นคว้า(ตอนนี้ยังคงใช้อยู่สาขาเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 80 สาขา ร่วมต่างประเทศด้วย มีคนมาแกะ Source Code พยายามเปลี่ยนเป็น PHP เป็นปียังไม่เสร็จเลย)
เมื่อ Framework 2 มา จะเอา Source Code เก่ามา Migrate ทำไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้อยู่อย่างนั้น
ตอนหลังมี MVC เข้ามาและตอนนี้ก็ใช้กันอยู่ทุกค่าย ก็นั่งศึกษา MVC1, MVC2, MVC3 แต่ขั้นตอนการศึกษายากมากเพราะ ไม่สามารถจะใช้ของเก่าได้เลย ต้องทิ้งวิชาเก่าหมด และเริ่มหมดไฟกับ Microsoft แล้ว ของใหม่ๆ Microsoft ก็ดี พัฒนาไปเลยๆ แต่ไม่สามารถนำของเก่ามาใช้ได้ (ทำได้ก็ยากมาก)
มีรุ่นพี่เขียน VB6 พอ .NET กับ Windows XP มา เค้าเลิกเขียนโปรแกรมเลย ไปทำอาชีพอื่นดีกว่า
อันนี้สอนให้รู้ว่าถ้าใช้ Tools ของ Microsoft ก็ต้องทำใจ เพราะอนาคตอาจจะเอาท์ได้ ถ้ามีแรงพอก็ต้องตามให้ทัน
ตอนนี้ศึกษา OpenERP ไม่ใช่ตอนนี้แต่นานมาแล้วตั้งแต่ Version 5 จากที่ไม่มีความรู้เรื่อง ERP เลย และเล่น OpenERP ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจ จนได้เรียนหลักสูตร Software Engineer (SAP) เรียนการใช้งานและ Config SAP ทั้งหมด 7 วิชา จึงทำให้รู้ว่า ERP คืออะไร และไม่เคยเจอ Software ตัวไหนจะเยี่ยมยอดเท่า SAP เลย มี function การใช้งานเยอะมาก คนพัฒนา เป็นหมื่นคน รองรับ หลายๆ Business แต่ได้ข่าวมาว่าในเมืองไทยไม่ค่อยประสพความสำเร็จเท่าไหร่ ยกเว้นจะเป็นบริษัทต่างชาติที่ถูกบริษัทแม่บังคับให้ต้องใช้ และก็ไม่ได้ใช้ความสามารถของ SAP สักเท่าไหร่
เพราะคนที่จะมา Implement SAP จะต้องมีการเรียน module ละ 250,000 บาท สอบครั้งละ 50,000 บาท แล้วจะหาคนที่เก่งๆมา Implement ได้อย่างไร ที่ล้มเหลวเพราะหาคนเก่งๆ มา Implement ไม่ได้ และราคาแพงมากๆ สำหรับประเทศไทย
OpenERP คงตอบปัญหาไม่ได้ทุกอย่าง แต่ดูจากการออกแบบ ของ OpenERP สุดยอดมาก เกี่ยวกับฐานข้อมูล ที่เชื่อมต่อกัน และไปผูกติดกับการออกแบบ screen ทำให้การแก้ไขง่ายมาก มี Module ให้เลือกใช้มาก ต้องลองทดสอบดู ส่วนที่ยากที่สุดคือการ Customize ให้เข้ากับลูกค้านี่ยากสุดๆ เหมือนกันเพราะต้องเขียน Python ต้องเรียนรู้ Report Tools แต่ในระยะยาวถือว่าคุ้มการลงทุน ถ้ามีความชำนาญแล้ว จะสามารถปิดโปรเจ็คได้ไว
เรื่องค่าใช้จ่าย OpenERP ถือว่าฟรีไม่มีค่าลิขสิทธิ์ แต่ค่า Implement ยังต้องเสียอยู่เพราะต้องจ้างคนมา Implement ลูกค้าต้องหาคนมาเรียนรู้โปรแกรม ลูกค้าต้องมีเงินพอสมควร
จ้างเด็กๆมาทำงานเดือนหนึ่ง ก็ 2-3 หมื่นแล้ว มีประสพการ์มากหน่อย 6-7 หมื่น คือลูกค้าต้องกำเงินหลักล้าน
เคยเข้าไปสำรวจ SME จะมีเงินจ่ายได้ประมาณ 200,000 บาทสำหรับ ERP ลองคิดดูถ้าสามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้ รวย
วิธีการก็คือ หาลูกค้า 10 รายที่บริษัททำธุรกิจเหมือนกัน Implement พร้อมกัน ก็จะมีเงินพอที่จะ Implement แล้ว 10 * 200,000
เมื่อก่อน SAP ก็เป็นแบบนี้ สร้างโปรแกรมมาตัวหนึ่งขายให้กับ 20 บริษัทพร้อมกัน หลังจากนั้นแล้ว ค่า Implement จะถูกลงเพราะว่ามีความชำนาญแล้ว
คู่กัดของ Powerbuilder สมัยนั้นเป็น Delphi และตอนนี้คนที่ใช้ Delphi ก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นที่หนึ่งอยู่ดี
ผมยอมรับว่า Delphi , .NET, JAVA มีอะไรที่เหนือกว่า Powerbuilder มาก คือต้องการเขียนอะไรจะทำได้หมดทุกอย่าง Powerbuilde ทำไม่ได้เยอะมาก ติดขัดไปหมดทุกอย่าง
แต่ในด้าน Database Powerbuilder เหนือชั้นกว่ามาก คือสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลได้เกือบทุกตัว และสามารถติดต่อได้พร้อมๆกันดัวย และการทำงานก็ง่ายกว่ามาก ไม่ต้องเขียน SQL Command
เมื่อเทคโนโลยี่เริ่มเปลี่ยน มี web มี mobile Toots เก่าไม่สามารถตอบโจทย์ได้ ทำอย่างไรครับ
เมื่อ 7 ปีที่แล้ว
ผมเขียน ASP.NET Framework 1 + Datawindows .NET ให้กับร้านอาหารญี่ปุ่น ตอนนนั้นมีอยู่ประมาณ 40 สาขาทั่วประเทศ โจทย์ตอนนั้น intranet ใช้ Frame relay 64K Terminal เป็น windows 98 touch screen 640 * 480 ต้องเขียน Web appication ที่รองรับ Touch screen ความรู้ในการติดต่อเท่ากับ Modem 64 K โดยต้องรองรับ 40 สาขา ตอนนั้นเริ่มจะมีการเขียน Ajax กันในต่างประเทศ
โปรเจ็คเสร็จภายใน 6 เดือน ยังไม่รวมเวลาค้นคว้า(ตอนนี้ยังคงใช้อยู่สาขาเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 80 สาขา ร่วมต่างประเทศด้วย มีคนมาแกะ Source Code พยายามเปลี่ยนเป็น PHP เป็นปียังไม่เสร็จเลย)
เมื่อ Framework 2 มา จะเอา Source Code เก่ามา Migrate ทำไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้อยู่อย่างนั้น
ตอนหลังมี MVC เข้ามาและตอนนี้ก็ใช้กันอยู่ทุกค่าย ก็นั่งศึกษา MVC1, MVC2, MVC3 แต่ขั้นตอนการศึกษายากมากเพราะ ไม่สามารถจะใช้ของเก่าได้เลย ต้องทิ้งวิชาเก่าหมด และเริ่มหมดไฟกับ Microsoft แล้ว ของใหม่ๆ Microsoft ก็ดี พัฒนาไปเลยๆ แต่ไม่สามารถนำของเก่ามาใช้ได้ (ทำได้ก็ยากมาก)
มีรุ่นพี่เขียน VB6 พอ .NET กับ Windows XP มา เค้าเลิกเขียนโปรแกรมเลย ไปทำอาชีพอื่นดีกว่า
อันนี้สอนให้รู้ว่าถ้าใช้ Tools ของ Microsoft ก็ต้องทำใจ เพราะอนาคตอาจจะเอาท์ได้ ถ้ามีแรงพอก็ต้องตามให้ทัน
ตอนนี้ศึกษา OpenERP ไม่ใช่ตอนนี้แต่นานมาแล้วตั้งแต่ Version 5 จากที่ไม่มีความรู้เรื่อง ERP เลย และเล่น OpenERP ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจ จนได้เรียนหลักสูตร Software Engineer (SAP) เรียนการใช้งานและ Config SAP ทั้งหมด 7 วิชา จึงทำให้รู้ว่า ERP คืออะไร และไม่เคยเจอ Software ตัวไหนจะเยี่ยมยอดเท่า SAP เลย มี function การใช้งานเยอะมาก คนพัฒนา เป็นหมื่นคน รองรับ หลายๆ Business แต่ได้ข่าวมาว่าในเมืองไทยไม่ค่อยประสพความสำเร็จเท่าไหร่ ยกเว้นจะเป็นบริษัทต่างชาติที่ถูกบริษัทแม่บังคับให้ต้องใช้ และก็ไม่ได้ใช้ความสามารถของ SAP สักเท่าไหร่
เพราะคนที่จะมา Implement SAP จะต้องมีการเรียน module ละ 250,000 บาท สอบครั้งละ 50,000 บาท แล้วจะหาคนที่เก่งๆมา Implement ได้อย่างไร ที่ล้มเหลวเพราะหาคนเก่งๆ มา Implement ไม่ได้ และราคาแพงมากๆ สำหรับประเทศไทย
OpenERP คงตอบปัญหาไม่ได้ทุกอย่าง แต่ดูจากการออกแบบ ของ OpenERP สุดยอดมาก เกี่ยวกับฐานข้อมูล ที่เชื่อมต่อกัน และไปผูกติดกับการออกแบบ screen ทำให้การแก้ไขง่ายมาก มี Module ให้เลือกใช้มาก ต้องลองทดสอบดู ส่วนที่ยากที่สุดคือการ Customize ให้เข้ากับลูกค้านี่ยากสุดๆ เหมือนกันเพราะต้องเขียน Python ต้องเรียนรู้ Report Tools แต่ในระยะยาวถือว่าคุ้มการลงทุน ถ้ามีความชำนาญแล้ว จะสามารถปิดโปรเจ็คได้ไว
เรื่องค่าใช้จ่าย OpenERP ถือว่าฟรีไม่มีค่าลิขสิทธิ์ แต่ค่า Implement ยังต้องเสียอยู่เพราะต้องจ้างคนมา Implement ลูกค้าต้องหาคนมาเรียนรู้โปรแกรม ลูกค้าต้องมีเงินพอสมควร
จ้างเด็กๆมาทำงานเดือนหนึ่ง ก็ 2-3 หมื่นแล้ว มีประสพการ์มากหน่อย 6-7 หมื่น คือลูกค้าต้องกำเงินหลักล้าน
เคยเข้าไปสำรวจ SME จะมีเงินจ่ายได้ประมาณ 200,000 บาทสำหรับ ERP ลองคิดดูถ้าสามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้ รวย
วิธีการก็คือ หาลูกค้า 10 รายที่บริษัททำธุรกิจเหมือนกัน Implement พร้อมกัน ก็จะมีเงินพอที่จะ Implement แล้ว 10 * 200,000
เมื่อก่อน SAP ก็เป็นแบบนี้ สร้างโปรแกรมมาตัวหนึ่งขายให้กับ 20 บริษัทพร้อมกัน หลังจากนั้นแล้ว ค่า Implement จะถูกลงเพราะว่ามีความชำนาญแล้ว