โพสต์ โดย Yamachita » จันทร์ 08 เม.ย. 2013 10:20 am
นายซานจีฟ แพนท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อินเดีย จำกัด เปิดเผยว่า อินเดียและเวียดนามถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้รุกตลาดด้วยการเปิดร้าน “ไก่ย่างห้าดาว” ในอินเดียไปแล้ว 20 สาขา ด้วยเงินลงทุนประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในเวียดนามอีก 50 สาขา ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายสาขาในอินเดียและเวีดยามให้ได้ประมาณ 500 สาขาในแต่ละประเทศ ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า ด้วยเงินลงทุนรวมประมาณ 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
“อินเดียและเวียดนามถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีศักยภาพมาก เพราะนอกจากจะเป็นตลาดใหม่แล้ว ยังเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่อีกด้วย และยังมีโอกาสที่จะพัฒนาได้อีกมากในอนาคต โดยเฉพาะตลาดอินเดีย โดยในอินเดียนั้นบริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดไปยัง 5 เมืองหลัก คือ บังกาลอร์ ,เชนไน ,ไฮเดอร์ราบัด ,มุมไบ และเดลลี ส่วนในเวียดนามมีเป้าหมายจะขยายไปยัง 3 เมืองหลัก คือ ฮานอน ,โฮจิมินห์ และดานัง ซึ่งบริษัทต้องการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์สินค้าให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในทั้ง 2 ประเทศให้มากขึ้น โดยจะเริ่มทยอยขยายสาขาประมาณ 4-5 สาขาทุกเดือน”นายซานจีฟ แพนท์ กล่าว
ทั้งนี้บริษทตั้งเป้ายอดขายในอินเดียสิ้นปี 2556 นี้เติบโตประมาณ 30-40% จากการเปิดตลาดได้เพียง 6 เดือน ส่วนในเวียดนามตั้งเป้าเติบโต 20-30% จากการที่ดำเนินธุรกิจมาได้ 2 ปีแล้ว และบริษัทยังได้วางแผนต่อยอดธุรกิจในรูปแบบอื่นๆด้วย เช่น บริการส่งสินค้าถึงบ้าน (เดลิเวอรี่) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป้นช่วงของวัยทำงาน มีเวลาน้อย คาดว่าจะเปิดตัวบริการนี้ได้ภายในปี 2556
อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มีโรงงานอาหารสัตว์ในอินเดีย 8 แห่ง ซึ่งตามแผน 5 ปี มีเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์ประมาณ 25% ของรายได้รวม ส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจโรงงานอาหารสัตว์และฟาร์ม โดยซีพีเอฟได้เข้าไปลงทุนในอินเดียมากว่า 15 ปีแล้ว ด้วยเงินลงทุนประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ครอบคลุมธุรกิจโรงงานอาหารสัตว์บกและสัตว์น้ำ ฟาร์มไก่และฟาร์มสัตว์น้ำ และธุรกิจอาหาร ขณะที่ธุรกิจไก่ย่างห้าดาวในเวียดนาม จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนให้บริษัทเจาะตลาดอาหารพร้อมรับประทานในตลาดนี้ได้มากขึ้น
ที่มา : naewna.com
นายซานจีฟ แพนท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อินเดีย จำกัด เปิดเผยว่า อินเดียและเวียดนามถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้รุกตลาดด้วยการเปิดร้าน “ไก่ย่างห้าดาว” ในอินเดียไปแล้ว 20 สาขา ด้วยเงินลงทุนประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในเวียดนามอีก 50 สาขา ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายสาขาในอินเดียและเวีดยามให้ได้ประมาณ 500 สาขาในแต่ละประเทศ ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า ด้วยเงินลงทุนรวมประมาณ 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
“อินเดียและเวียดนามถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีศักยภาพมาก เพราะนอกจากจะเป็นตลาดใหม่แล้ว ยังเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่อีกด้วย และยังมีโอกาสที่จะพัฒนาได้อีกมากในอนาคต โดยเฉพาะตลาดอินเดีย โดยในอินเดียนั้นบริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดไปยัง 5 เมืองหลัก คือ บังกาลอร์ ,เชนไน ,ไฮเดอร์ราบัด ,มุมไบ และเดลลี ส่วนในเวียดนามมีเป้าหมายจะขยายไปยัง 3 เมืองหลัก คือ ฮานอน ,โฮจิมินห์ และดานัง ซึ่งบริษัทต้องการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์สินค้าให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในทั้ง 2 ประเทศให้มากขึ้น โดยจะเริ่มทยอยขยายสาขาประมาณ 4-5 สาขาทุกเดือน”นายซานจีฟ แพนท์ กล่าว
ทั้งนี้บริษทตั้งเป้ายอดขายในอินเดียสิ้นปี 2556 นี้เติบโตประมาณ 30-40% จากการเปิดตลาดได้เพียง 6 เดือน ส่วนในเวียดนามตั้งเป้าเติบโต 20-30% จากการที่ดำเนินธุรกิจมาได้ 2 ปีแล้ว และบริษัทยังได้วางแผนต่อยอดธุรกิจในรูปแบบอื่นๆด้วย เช่น บริการส่งสินค้าถึงบ้าน (เดลิเวอรี่) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป้นช่วงของวัยทำงาน มีเวลาน้อย คาดว่าจะเปิดตัวบริการนี้ได้ภายในปี 2556
อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มีโรงงานอาหารสัตว์ในอินเดีย 8 แห่ง ซึ่งตามแผน 5 ปี มีเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์ประมาณ 25% ของรายได้รวม ส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจโรงงานอาหารสัตว์และฟาร์ม โดยซีพีเอฟได้เข้าไปลงทุนในอินเดียมากว่า 15 ปีแล้ว ด้วยเงินลงทุนประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ครอบคลุมธุรกิจโรงงานอาหารสัตว์บกและสัตว์น้ำ ฟาร์มไก่และฟาร์มสัตว์น้ำ และธุรกิจอาหาร ขณะที่ธุรกิจไก่ย่างห้าดาวในเวียดนาม จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนให้บริษัทเจาะตลาดอาหารพร้อมรับประทานในตลาดนี้ได้มากขึ้น
ที่มา : naewna.com